ประเทศไทยต้องรอด

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ประเทศไทยต้องรอด

Date Time: 7 ต.ค. 2568 03:45 น.

Summary

30 ก.ย.2568 สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า โดย บุญลาภ ภูสุวรรณ บรรณาธิการบริหาร ได้จัดงานสัมมนาหัวข้อ “ประเทศไทยต้องรอด Save Thailand Restore.Reframe.Rise” เนื่องในโอกาสครบรอบ 14 ปี

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

30 ก.ย.2568 สำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า โดย บุญลาภ ภูสุวรรณ บรรณาธิการบริหาร ได้จัดงานสัมมนาหัวข้อ “ประเทศไทยต้องรอด Save Thailand Restore.Reframe.Rise” เนื่องในโอกาสครบรอบ 14 ปี มี ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ประธานกรรมการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย, นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน), ดร.ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามเมทริกซ์ คอนซัลติ้ง จำกัด, ดร.รัสรินทร์ ชินโชติธีรนันท์ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งลิสเซินฟิลด์ และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคประชาชน ร่วมงาน

เริ่มจาก ดร.ศุภวุฒิ ระบุ โครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังเปลี่ยน สัดส่วนของการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมต่อจีดีพีลดลง แต่สัดส่วนภาคบริการเพิ่มขึ้น ดังนั้นไทยควรต้องพึ่งพิงภาคบริการมากขึ้นและหาจุดแข็งใหม่ของภาคสินค้าอุตสาหกรรม “เรากำลังพัฒนาประเทศไปสู่การให้บริการมากขึ้น หลายประเทศก็เป็นอย่างนี้ ยักษ์ใหญ่ที่สุดในสินค้าภาคอุตสาหกรรมคือจีน แต่จีนก็ยังปิดจุดอ่อนของตัวเองไม่ได้ในอุตสาหกรรมอาหาร ต้องนำเข้าเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด หากต้องการจะอยู่รอด เราต้องปรับตัวไปสู่ภาคบริการและภาคการผลิตอาหาร แปรรูปสินค้าเกษตร ดร.ศุภวุฒิยังเสนอว่า ไทยควรนำทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศกว่า 9 ล้านล้านบาทมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เกณฑ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่าระดับเหมาะสมควรอยู่ราว 100% ของความเพียงพอ แต่ไทยมีอยู่ถึง 239.6% และถูกเก็บโดยไม่ใช้ประโยชน์ ขณะที่กว่า 90 ประเทศทั่วโลก นำทุนสำรองส่วนเกินไปตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund) สร้างผลตอบแทนระยะยาว ถ้าไทยดึงเงินส่วนนี้ออกมาสัก 3 ล้านล้านบาท จะทำให้ประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น

ดร.รุ่ง ให้ความเห็นว่า ไทยยังมีจุดแข็งหลายด้าน เช่น โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่เข้มแข็ง ระบบการเงินที่มั่นคง และภาคธุรกิจเอกชนที่ยืดหยุ่นและพร้อมปรับตัว แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่ถูกนำไปต่อยอดใช้ประโยชน์ได้เต็มศักยภาพ เช่น การเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของประชากรกว่า 90% และระบบพร้อมเพย์ (PromtPay) ที่เติบโตเฉลี่ยปีละ 26% ปัญหาคือ ต่อยอดจากพื้นฐานเหล่านี้ไม่ดีนัก ไม่ได้นำข้อมูลที่มีมาใช้ ไม่ได้ใช้ในทางที่เป็นประโยชน์สูงสุดกับประเทศ โดย 3 แนวทางสำคัญเพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าอย่างมีคุณภาพ คือ 1.กำหนดทิศทางพัฒนาที่ชัดเจนและสอดคล้องกับทรัพยากรที่มี 2.สร้างกติกาที่เอื้อต่อความสำเร็จและโปร่งใส 3.เร่งความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และภาคการเงิน เพื่อให้ขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน “ประเทศไทยต้องไม่ยึดติดกับแนวคิดว่า ‘ภาครัฐคิด เอกชนทำ’ อีกต่อไป แต่ต้องเป็น ‘เอกชนคิด ภาครัฐเอื้อ’ โดยรัฐไม่ควรลงไปแข่งขันในสิ่งที่เอกชนทำได้ดีกว่า”

ส่วนนายผยง กล่าวว่า ปัญหาต่างๆยังคงเป็นเพียง “วาทกรรม” ที่ไม่ถูกนำไปสู่การปฏิบัติจริงเพื่อแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและยกระดับขีดความสามารถของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาแรงงานนอกระบบกว่า 53% ของแรงงานทั้งหมดที่เรียกร้องสวัสดิการจากรัฐโดยขาดความสมดุล ปัญหาภาษีที่นิติบุคคลอยู่ในระบบเพียง 28% รวมถึงหนี้นอกระบบซึ่งตัวเลขทางการอยู่ที่ 12% แต่ผลสำรวจพบสูงถึง 25% ขณะที่สภาพคล่องกว่า 5 ล้านล้านบาทในระบบการเงินไม่สามารถไหลไปสู่การลงทุนภาคจริงได้ สวนทางกับเงินลงทุนไทยที่ไหลออกต่างประเทศมากกว่า 7 ล้านล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นการลงทุนภายในประเทศที่ลดลง ดังนั้นโจทย์ใหญ่คือการ connect the dots (เชื่อมต่อทรัพยากร) ทั้งด้านข้อมูล กฎกติกา และการประสานงานระหว่างหน่วยงานรัฐที่ยังแยกส่วน ทำให้การตอบสนองต่อปัญหาล่าช้าและไม่ตรงจุด ทั้งที่ทรัพยากรและข้อมูลมีอยู่แล้ว “ข้อเสนอที่เป็นรูปธรรม ยกตัวอย่างแพลตฟอร์ม Reinvent Thailand ฟอรัมการทำงานแบบ agile (คล่องตัว) และทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม”

ขณะที่ ดร.ณภัทร เห็นว่าประเทศไทยจะรอดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการลงทุนกับสินค้าสาธารณะ (Public Goods) เช่น การศึกษา สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐาน การยกระดับตลาดแรงงาน และการเข้าถึงเทคโนโลยี AI อย่างทั่วถึง ซึ่งจะให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและสังคมสูงถึง 50 เท่า “ไทยยังต้องเผชิญความท้าทายทั้งจำนวนประชากรลดลง ผลกระทบจาก AI ที่อาจทำให้งานกว่า 80% หายไปใน 5 ปี หากไม่มีมาตรการรองรับ ดังนั้นภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันสร้างกลไกให้แรงงานเปลี่ยนผ่านไปสู่งานใหม่ หาวิธีทำให้ประชาชนเข้าถึง AI ง่ายที่สุด เช่น การอุดหนุนผ่านคูปอง โดยไม่จำกัดเชื้อชาติของผู้พัฒนาเทคโนโลยี”

ด้าน ดร.รัสรินทร์ กล่าวว่า ภาคเกษตรไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพียง 0.23% ระหว่างปี 2555-2565 ขณะที่ช่องว่างรายได้ระหว่างแรงงานเกษตรกับนอกภาคเกษตรห่างกันถึง 5 เท่า ส่วนงบวิจัยมีเพียง 0.3-0.4% ของงบรวม “เราไม่เคยเดินตามแผนจนถึงเป้าหมายได้จริง มีแผนดีแต่ execution ไม่มา หากจะให้บรรลุเป้าหมาย KPI ต้องเกิดการลงทุนครั้งใหญ่ในเทคโนโลยีเกษตรและเอกชนต้องเข้ามาช่วยขับเคลื่อน”

ปิดท้ายด้วยนายพริษฐ์ เผยว่า ไทยเผชิญปัญหาเรื้อรังมานาน ทั้งระบบการเมืองที่ยังไม่เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบ ปัญหาการศึกษา ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และความท้าทายใหม่ๆ เรื่องเทคโนโลยี สังคมสูงวัย ภาวะโลกรวน แนวทางรอดคือต้องปรับเปลี่ยนใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การแก้รัฐธรรมนูญและปฏิรูปการเมือง 2.การจัดทำงบประมาณด้วยกระบวนการแบบใหม่ 3.การจัดทำหลักสูตรการศึกษาใหม่ ควบคู่กับการลงทุนยกระดับทักษะของคนทำงาน ทำให้ไทยมีทรัพยากรมนุษย์ที่สามารถแข่งขันกับโลกได้.

 ศุภิกา ยิ้มละมัย

คลิกอ่านคอลัมน์ "THE ISSUES" เพิ่มเติม



Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ