
“การมีบ้าน” เคยถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคง แต่สำหรับครอบครัวไทยจำนวนมาก ความฝันนี้ กลับเริ่มห่างออกไปเรื่อย ๆ
ข้อมูลจากศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เพิ่งออกมาระบุว่า หนี้ครัวเรือนไทยเฉลี่ยต่อครัวเรือน ปัจจุบัน พุ่งขึ้นแตะ 740,000 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 22% จากปีก่อน และเป็นระดับสูงที่สุดในรอบ 4 ปี นั่นหมายความว่า ครอบครัวไทยกำลังแบกภาระหนี้มากขึ้น ทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบที่ทะลุ 35% ของหนี้ครัวเรือนทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น คนไทยกว่า 46.3% ไม่มีเงินออมฉุกเฉิน ขณะที่ธนาคารยังคุมเข้มการปล่อยกู้จนสินเชื่อในระบบหดตัวต่อเนื่อง 4 ไตรมาส และ NPL(หนี้เสีย) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ปัญหานี้ไม่ได้สะท้อนแค่บนตัวเลขเศรษฐกิจ แต่เริ่มปรากฏชัดใน “ตลาดที่อยู่อาศัย” ซึ่งเป็นสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดของครัวเรือนไทย
ล่าสุด เมื่อเจาะรายงานตลาดบ้านมือสองของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ไตรมาส 2/2568 ก็ยิ่งแสดงให้เห็นความจริงที่เจ็บปวดที่ชัดเจนขึ้น
กล่าวอีกแบบคือ ฝั่ง “ผู้ขาย” บ้านมือสองล้นตลาดเพราะหนี้ครัวเรือนสูงจนบ้านถูกยึด แต่ฝั่ง “ผู้ซื้อ” แม้อยากมีบ้านก็ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ สถานการณ์นี้ทำให้ตลาดบ้านมือสองกลายเป็น กระจกสะท้อนภาระหนี้ครัวเรือนไทยที่หนักหน่วงที่สุด
“ อุปทานทรัพย์มือสองที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นทรัพย์ของกรมบังคับคดี ซึ่งมีสาเหตุ มาจากภาวะหนี้สินของภาคครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้ประชาชนบางส่วนไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ ตามกำหนด จนนำไปสู่การเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี “
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการบ้านใหม่ก็ไม่ได้อยู่ในภาวะสบายใจ เพราะเจออุปสรรคเดียวกัน คนอยากซื้อแต่กู้ไม่ผ่าน โดยล่าสุด บริษัทใหญ่ในวงการ อย่าง “พฤกษา เรียลเอสเตท” มีการออกกลยุทธ์ “PRUKSA PASS ผ่านง่าย ๆ ย้ายเข้าเลย” เปิดทางให้ลูกค้าสามารถย้ายเข้าอยู่ได้ทันที แม้ยังไม่ได้สินเชื่อจากธนาคาร โดยให้ผ่อนกับโครงการตรง 12 เดือน
โดยผู้บริหาร ระบุ ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันการขออนุมัติสินเชื่อบ้านต้องใช้เวลา บริษัทเข้าใจปัญหาและข้อจำกัดที่ผู้บริโภคต้องเผชิญอยู่จริง เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านระดับราคา 1–25 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบ้านหลังแรกของคนวัยเริ่มต้นทำงาน รวมถึงกลุ่มคนทำงานอาชีพอิสระ ให้สามารถย้ายเข้าอยู่บ้านโครงการพฤกษาได้ทันที โดยไม่ต้องรอผลอนุมัติสินเชื่อ เพียงเริ่มต้นผ่อนชำระกับทางโครงการโดยตรง ซึ่งยอดผ่อนชำระดังกล่าวสามารถนำไปใช้หักชำระเป็นค่าบ้าน เมื่อลูกค้าพร้อมโอนได้
นี่คือสัญญาณว่า ผู้ประกอบการ กำลังกลายเป็นคนทำหน้าที่ “สถาบันการเงินจำเป็น” เพื่อพยุงดีมานด์ของคนอยากมีบ้าน ไม่เช่นนั้นความฝันของกลุ่ม First Jobber, ฟรีแลนซ์ และแรงงานอิสระจะถูกตัดทิ้งไปทันทีเพราะ “เครดิตไม่ผ่านระบบธนาคาร”
สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งสองด้าน “บ้านมือสองที่ถูกยึดเพิ่ม และบ้านใหม่ที่ต้องปรับโมเดลทางการเงิน” ล้วนสะท้อนปัญหาเดียวกันคือ
ท้ายที่สุด นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องของอสังหาฯ แต่เป็น ภาพสะท้อนโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ที่ยังบอบบาง และหากไม่แก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ความฝันเรียบง่ายของคนไทยอย่าง “การมีบ้านเป็นของตัวเอง” อาจกลายเป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อมไปเรื่อย ๆ
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney