
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาทองคำโลกและทองในประเทศพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันที่ 16 ก.ย. โดยราคาทองคำโลกในตลาดซื้อขายจริง (Gold Spot) ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ปรับขึ้น 0.38% แตะที่ 3,692 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เมื่อเวลา 14.20 น.ตามเวลาไทย ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปิดวันที่ 16 ก.ย.68 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 500บาท โดย ทองคำแท่งรับซื้อ 55,300 บาท ขายออก 55,400 บาท ด้านทองรูปพรรณ รับซื้อ 54,197 บาท ขายออก 56,200 บาท ภายใต้เงินบาทที่ระดับ 31.79 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้มีกระแสข่าวว่า กระทรวงการคลังมีแนวคิดจะเก็บภาษีทองคำ เพื่อแก้ปัญหาค่าบาทแข็งค่า
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 7% ตั้งแต่ต้นปีนั้น ไม่ได้สอดคล้องกับทิศทางการฟื้นตัวและพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย โดยค่าเงินบาทแข็งมาจากค่าเงิินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า และการเพิ่มขึ้นของราคาทองคำโดยพบว่า การแข็งคาของเงินบาทมีความเกี่ยวเนื่องของการซื้อขายทองคำมากขึ้น ทำใ้การลดดอกเบี้บนโยบายไม่มีผลต่อค่าเงินบาทให้อ่อนค่าลตามมากนัก โดยธปท.ได้เข้าไปดูแลเพื่อลดความผันผวนของค่าเงิน เพื่อลดผลกระทบของผู้นำเข้า ส่งออกและภาคธุรกิจ
"ส่วนการการประชุมร่วมกับผู้ค้าทองคำที่ผ่านมา เรื่องภาษีเป็นหนึ่งในมาตรการที่คุยกัน แต่มีอีกหลายมาตรการที่คุยกัน โดยอยากใหการซื้อขายทองคำโดยใช้เงินดอลลาร์มากขึ้น แต่เข้าใจว่า คนที่ไม่ชินจะทำได้ยาก จึงต้องพยายามทำเข้าใจกับทุกฝ่ายว่า ใครทำได้ไม่ได้อย่างไร เพื่อหามาตรการที่เหมาะสมที่สุด โดยอยู่ในขั้นตอนของการหารือ แต่ยังไม่ได้มีการตัดสินใจเรื่องการเก็บภาษี ต้องศึกษาให้ครบถ้วนรอบด้านก่อน”
สำหรับกรณีที่การซื้อขายทองคำเพิ่มขึ้นมากนั้น ธปท.กำลังติดตามว่า มีธุรกิจสีเทาเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ หรือมาจากส่วนไหน เช่น กรณีการส่งทองคำไปกัมพูชา เราก็ติดตาม และสอบถามไปยังทางตำรวจว่า มีความน่าสงสัยหรือไม่