
จากกระแสข่าวที่ประชาชนจำนวนมากถูกอายัดบัญชีธนาคาร โดยไม่รู้ตัว หลายคนต้องเผชิญกับความวุ่นวายในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์เพื่อขอปลดล็อกเงินของตัวเอง
เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นผลพวงจากมาตรการเชิงรุกที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ยกระดับขึ้นเพื่อจัดการกับ "บัญชีม้า"
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการดำเนินการดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนทำให้หลายคน เกิดคำถามถึงเหตุและผลที่เหมาะสมของมาตรการนี้
ทั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจต่อประเด็นข่าวดังกล่าว Thairath Money ชวนมาสรุปเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น เป็น 10 ไทม์ไลน์ ดังนี้
1. จุดเริ่มต้น: แบงก์ชาติยกระดับมาตรการจัดการบัญชีม้า
ปลายปี 2567 ต่อเนื่องต้นปี 2568 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ยกระดับมาตรการจัดการบัญชีม้าอย่างเข้มข้น โดยกำหนดเงื่อนไขให้ครอบคลุมพฤติกรรมของมิจฉาชีพมากขึ้น และให้ธนาคารสามารถระงับบัญชีต้องสงสัยได้ทันที แม้ยังไม่มีผู้เสียหายแจ้งความ
2. ประชาชนเริ่มเดือดร้อน: บัญชีถูกอายัดโดยไม่รู้ตัว
ช่วงเดือนเมษายนถึงสิงหาคมที่ผ่านมา เริ่มมีประชาชนจำนวนหนึ่งออกมาโพสต์ในโซเชียลมีเดียว่าบัญชีธนาคารของตนเองถูกอายัด ทั้งที่ไม่มีประวัติอาชญากรรมและไม่ได้เกี่ยวข้องกับบัญชีม้า
3. พ่อค้าแม่ค้าคือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด
กลุ่มอาชีพที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือพ่อค้าแม่ค้า เนื่องจากมีการโอนเงินเข้าออกบัญชีเป็นจำนวนมาก และไม่สามารถทราบได้ว่าเงินที่โอนเข้ามานั้นมาจากบัญชีของมิจฉาชีพหรือไม่ ทำให้ระบบเงินทุนหมุนเวียนหยุดชะงัก
"โดนจนได้ อาชีพค้าขายเสี่ยงที่สุด แม่ค้าเลือกลูกค้าไม่ได้ และที่สำคัญแม่ค้าไม่สามารถรู้ที่ไปที่มาของเงินลูกค้าได้ เราค้าขายบริสุทธิ์ ขายของแลกเงิน แต่กับโดนอายัดบัญชี ธนาคารให้เหตุผลว่ามียอดเงินจากบัญชีม้าโอนเข้าบัญชีเรา (จึงต้องอายัดยอดไว้) ณ วันนี้ถูกอายัดเป็นเวลา 7 วันแล้ว ยังไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าจะโดนอายัดไปอีกนานแค่ไหน ติดต่อธนาคาร ธนาคารแจ้งว่าตำรวจแจ้งให้อายัด และไม่มีช่องทางให้เราแสดงความบริสุทธิ์เลย ได้แค่รอ และรออย่างเดียว #ยอดโดนอายัด 169,xxx อาจจะน้อยสำหรับธนาคารแต่มันมากสำหรับคนใช้หมุนนะคะ"
ข้อความโพสต์จากผู้เสียหายรายหนึ่ง
4. ระบบการสื่อสารที่สับสน: ธนาคารโยนให้ตำรวจ ตำรวจโยนให้ธนาคาร
เมื่อประชาชนที่ถูกอายัดบัญชีติดต่อไปยังธนาคาร ก็ได้รับคำตอบว่า "ตำรวจสั่งอายัด" แต่เมื่อไปหาตำรวจ กลับถูกบอกว่า "ธนาคารเป็นผู้ส่งเรื่องมา" ทำให้เกิดความสับสนและไม่รู้ว่าจะต้องติดต่อหน่วยงานใดเพื่อขอปลดล็อกบัญชี
5. ตำรวจผู้ปฏิบัติงานออกมาเปิดเผยปัญหาที่แท้จริง
หนึ่งในร้อยเวรได้ออกมาอธิบายถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยชี้ให้เห็นว่า ระบบการทำงานในปัจจุบันมีความบกพร่องอย่างมาก เมื่อผู้เสียหายโทรแจ้ง 1441 ธนาคารสามารถระงับบัญชีต้องสงสัยได้ทันที 3 วัน
บช.สอท. (กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) จะออกหมายอายัดบัญชี (หมาย H) เพื่อไล่เส้นทางการเงิน โดยทำกับทุกคดีที่แจ้งเข้ามาในระบบโดยไม่มีการตรวจสอบเชิงลึก ทำให้บัญชีของคนบริสุทธิ์ที่รับโอนเงินจากบัญชีม้าโดยไม่รู้ตัวถูกอายัดไปด้วย
6. ภาระการ "ปลดอายัด" ตกอยู่ที่ตำรวจโรงพัก
แม้ บช.สอท. จะเป็นผู้ออกหมายอายัด แต่ภาระในการพิสูจน์และทำเรื่องขอปลดอายัดกลับตกอยู่กับร้อยเวรตามโรงพัก ซึ่งงานเอกสารเหล่านี้ใช้เวลานานและทำให้เกิด "คอขวด" เนื่องจากร้อยเวรมีงานประจำอื่น ๆ อีกมากที่ต้องทำ
7. นักเศรษฐศาสตร์ชี้ "เกณฑ์ที่หลวมเกินไป" คือปัญหาหลัก
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การใช้เกณฑ์ที่ "หลวมเกินไป" เช่น การอายัดบัญชีเพียงเพราะมีเงินโอนจากบัญชีม้าเข้ามา แม้จะเป็นเพียงครั้งเดียว ทำให้ระบบไม่สามารถแยกแยะระหว่างบัญชีม้าจริงกับบัญชีของประชาชนที่สุจริตได้
8. "ความเชื่อมั่น" ในระบบธนาคารเริ่มสั่นคลอน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน หลายคนเริ่มตระหนกและไปต่อแถวถอนเงินสดออกจากธนาคาร ซึ่งหากปัญหานี้ยังคงดำเนินต่อไป อาจทำให้สังคมไร้เงินสดต้องถอยกลับมาใช้เงินสดแทน ขณะร้านค้าบางส่วนประกาศงดรับการจ่ายเงินแบบสแกนชั่วคราว เพื่อกลัวตกไปอยู่ในเส้นทางการเงินของบัญชีม้า
9. แบงก์ชาติรับฟังปัญหา เร่งปรับปรุงแนวทางแก้ไข
วันที่ 13-14 กันยายน 2568 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเห็นชอบร่วมกันว่าจะ เร่งปรับปรุงแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริต โดยยืนยันจะระงับแค่ยอดเงินไม่ใช่อายัดบัญชี สำหรับบัญชีที่เข้าไปเกี่ยวข้อง
10. สัญญาณดี: แบงก์ชาติร่นเวลาปลดอายัดและเตรียมพัฒนาระบบคัดกรองใหม่
ล่าสุดวันนี้ 15 ก.ย. ธปท. ได้ประกาศแนวทางแก้ไข โดยจะร่นระยะเวลาปลดระงับวงเงิน สำหรับผู้บริสุทธิ์ ให้เร็วขึ้นจากเดิม 3-7 วัน เหลือเพียง 3-4 ชั่วโมง หรือ ภายใน 1 วัน (โทรเข้าสายด่วน 1441 AOC แก้จบในที่เดียว) และเตรียมสร้างระบบคัดแยก "บัญชีม้า" กับ "บัญชีของผู้บริสุทธิ์" ให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือนกันยายน เพื่อให้การอายัดบัญชีมีความแม่นยำมากขึ้น และไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ธปท. ชี้แจงด้วยว่า ที่ผ่านมามีคนติดร่างแหจากเส้นทางเงิน “บัญชีม้า” มากขึ้น เนื่องจากตั้งแต่เดือนสิงหาคม ได้เริ่มรวม e-money และสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ามาอยู่ในเกณฑ์ตรวจสอบ ทำให้พบเฉลี่ยกว่า 10,000 บัญชีต่อสัปดาห์ แต่เมื่อตรวจสอบการร้องเรียนกลับพบว่า มีเพียง 10% ที่เป็นผู้สุจริตจริง ขณะที่ส่วนใหญ่กว่า 90% เป็นบัญชีม้าที่ใช้ทำธุรกรรมผิดกฎหมายจริง
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney