
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมจะเร่งผลักดันการส่งออกข้าว โดยเฉพาะข้าวขาวให้มากขึ้น เพื่อรองรับผลผลิตข้าวนาปีที่จะทยอยออกสู่ตลาดในช่วงปลายปีนี้ โดยจะเน้นไปที่การขยายตลาดข้าวในจีนและญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ของไทย โดยในส่วนของญี่ปุ่น กรมอยู่ระหว่างพิจารณาผ่อนปรนการอนุญาตนำเข้าข้าวจากญี่ปุ่น ตามที่ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยเสนอ ให้มีปริมาณมากขึ้น และนำเข้าอย่างสะดวกมากขึ้น เพื่อให้ญี่ปุ่นพิจารณานำเข้าข้าวจากไทยไม่ต่ำกว่าปีละ 300,000 ตันเหมือนเดิม
สำหรับการพิจารณาผ่อนปรนนำเข้านั้น กรมจะพิจารณาเพิ่มปริมาณการนำเข้าข้าวญี่ปุ่นสำหรับร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยให้มากขึ้นเป็นรายละ 200-300 ตัน/ปี จากปกติรายละไม่เกิน 100 ตัน/ปี เพื่อแลกกับการเจรจากับกระทรวงเกษตรของญี่ปุ่นให้พิจารณานำเข้าข้าวไทยไม่ต่ำกว่าปีละ 300,000 ตัน เชื่อว่า แนวทางนี้จะเป็นประโยชน์ และไม่ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวในประเทศ เนื่องจากข้าวญี่ปุ่นเป็นข้าวเฉพาะ ที่ชาวนาไทยส่วนใหญ่ไม่ได้ปลูก อีกทั้ง ที่ผ่านมาญี่ปุ่นส่งออกข้าวมาไทยน้อยมาก ประมาณ 2,000-3,000 ตัน/ปีเท่านั้น
“แนวทางนี้เท่าที่คุยกับเกษตรกร ก็ได้รับการสนับสนุน เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของการส่งออกข้าวไทยมากกว่า โดยกรมจะเดินทางไปญี่ปุ่น วันที่ 7-10 ก.ย.นี้ เพื่อหารือกับกระทรวงเกษตรญี่ปุ่น และผู้นำเข้าให้สั่งซื้อข้าวจากไทยให้เพิ่มมากขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนี้ จะไปเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้นำเข้าข้าวญี่ปุ่นต่อคุณภาพข้าวไทยว่ามีความปลอดภัย ไม่มีสารตกค้างแน่นอน”
ส่วนการขยายตลาดข้าวในจีน ได้มีการนัดหารือกับ คอฟโก้ ซึ่งรัฐวิสาหกิจของจีนที่ดำเนินธุรกิจด้านอาหารและเกษตรกรรม เพื่อขอให้เร่งนำเข้าข้าวจากไทยในส่วนที่เหลืออีก 280,000 ตัน จากสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 1 ล้านตัน ให้ได้โดยเร็วที่สุด คาดว่าจะได้ผลตอบรับที่ดีเพราะปัจจุบันจีนนำเข้าข้าว จากไทยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปีนี้มีอัตราเติบโตถึง 178%
นางอารดา กล่าวต่อถึงภาพรวมการส่งออกข้าวปีนี้ว่า ยอมรับว่ามีความท้าทายสูง ที่จะทำให้ได้ถึงเป้าหมาย 7.5 ล้านตัน เนื่องจากผู้นำเข้ารายใหญ่มีการชะลอนำเข้าทั้งอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ โดยสถิติส่งออกข้าวได้ 7 เดือน ทำได้ 4.30 ล้านตัน ลดลง 25.09% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีปริมาณส่งออกอยู่ที่ 5.74 ล้านตัน และมีมูลค่า 86,412.72 ล้านบาท ลดลง 35.35% จากปีก่อนที่มีมูลค่า 133,663 ล้านบาท ซึ่งการส่งออกที่ลดลงมีสาเหตุจากผลผลิตข้าวโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอินเดียที่กลับมาส่งออกตามปกติและคาดว่าจะมีผลผลิตกว่า 150 ล้านตัน รวมถึงการลดลงของความต้องการนำเข้าข้าวจากประเทศผู้นำเข้าอย่างอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ประกอบกับ ค่าเงินบาทที่ผันผวนและแข็งค่าขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยที่กดดันการส่งออก