
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงนี้กระแสของซีรีส์วายไทย ทั้ง Girl Love, Boy Love กำลังมาแรงทั้งในและนอกจอ ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ ‘เขมจิราต้องรอด’ จากค่ายดูมันดิ, ซีรีส์ ‘Shine’ จากค่าย Be On Cloud หรือซีรีส์ ‘เพียงเธอ’ ที่มีคู่จิ้นสุดฮอตอย่าง “หลิง-ออม” เป็นนักแสดงนำ และแม้แต่ ‘บุพเพสันนิวาส’ ก็เตรียมรีเมกใหม่ให้เป็นเวอร์ชันซีรีส์วาย!
ปรากฏการณ์นี้ ไม่ใช่แค่มอบความฟินให้กับคนดู แต่ Y-ECONOMY หรือเศรษฐกิจสายวาย ยังส่งผลดีต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมซีรีส์และภาพยนตร์ รวมถึงเศรษฐกิจในไทยอีกด้วย
หากถามว่าอะไรคือกุญแจสำคัญด้านความสำเร็จของซีรีส์วาย คงต้องบอกว่า กลุ่มแฟนคลับ คือหัวใจหลักที่คอยสนับสนุนทั้งนักแสดงและซีรีส์มาตลอด ตัวอย่างเช่น “บิวกิ้น-พีพี” พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และกฤษฏ์ อำนวยเดชกร ที่ทั้งสองมีผู้ติดตามใน Instagram รวมกว่า 8.7 ล้านบัญชี
โดยทั้งสองคนเคยแสดงร่วมกันในซีรีส์ Boy Love เรื่อง 'แปลรักฉันด้วยใจเธอ' ที่โด่งดังไปทั่วโลก ในช่วงปี 2565 แฟนคลับชาวไทยและต่างชาติ อาทิ นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และแฟน ๆ ชาวจีน เก็บกระเป๋าบินตรงมาจังหวัดภูเก็ตเพื่อตามรอยซีรีส์ ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ-การท่องเที่ยวในภูเก็ตให้ฟื้นตัวอย่างคึกคัก
ในอีกด้านยังมีข้อมูลจากการท่องเที่ยวไทย (ททท.) พบว่าแฟนซีรีส์ส่วนใหญ่นั้นเป็น Gen Z และ Gen Y ที่เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูง ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายของ ททท. โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นปี 2566 อยู่ที่ 10,000 บาท/คน/วัน สูงขึ้นจากปี 62 ที่เฉลี่ยราว 6,100 บาท/คน/วัน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.thairath.co.th/money/economics/thai_economics/2778746
และไม่ใช่แค่ซีรีส์วายที่เป็น Boy Love เท่านั้น แต่กระแสซีรีส์ Girl Love เองก็มีแนวโน้มที่ดีไม่ต่างกัน ฝั่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คาดว่าซีรีส์หญิงรักหญิง หรือ Girls Love จะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่สะท้อนวัฒนธรรมไทย ทั้งอาหาร สินค้า สถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ และส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทยในฐานะประเทศที่เปิดกว้างและยอมรับในความหลากหลายทางเพศ คาดว่ากระแสของซีรีส์ Girl Love อาจสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้สูงถึง 2,000 ล้านบาท
ตัวอย่างของซีรีส์ Girl Love ที่ได้รับความนิยมนั้นคือเรื่อง ใจซ่อนรัก ที่มีนำแสดงคือ “หลิง-ออม” ศิริลักษณ์ คอง และ กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ ซึ่งถามว่าคนชอบคู่นี้แค่ไหน ก็เห็นได้จากบัตรแฟนมีตของซีรีส์ใจซ่อนรัก ขึ้น Sold Out อย่างรวดเร็ว ส่วน 'Club Friday The Series: Love Bully รักให้ร้าย นำแสดงโดย “อิงฟ้า-ชาล็อต” ก็ได้รับความนิยมอย่างมาก เห็นได้จาก #LoveBullyรักให้ร้าย หลายอีพีพุ่งทะยานติดเทรนด์ทวิตอันดับ 1 ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงเห็นแล้วว่ากระแสนิยมของซีรีส์วายไทยทั้ง Boy Love และ Girl Love ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยต่อเนื่อง จึงไม่แปลกใจถ้าหลังจากนี้ตลาดซีรีส์วายจะมีการผลิตและเติบโตต่อเนื่อง เพราะนี่คือแหล่งการสร้างรายได้และโอกาสให้กับประเทศไทยอย่างแท้จริง
ฝั่งรัฐบาลเองก็เห็นเทรนด์นี้เป็นโอกาสทองเช่นกัน กระทรวงพาณิชย์จึงร่วมกับผู้ผลิตซีรีส์ไทย อย่างค่าย Be On Cloud และ ค่าย Idol Factory สร้างผลงานซีรีส์วายในเรื่อง ‘Shine’ และ ‘ปิ่นภักดิ์’ เรียกว่าเปิดโอกาสให้ซีรีส์วายไปไกลระดับโลก
ตลาดซีรีส์วายที่ขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจของธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ Economic Intelligence Center (SCB EIC) คาดว่า รายได้รวมของผู้ผลิตภาพยนตร์และซีรีส์วายของไทยในปี 2568 จะเติบโต 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และมีมูลค่ารวมมากกว่า 4,900 ล้านบาท ยิ่งถ้าย้อนดูช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2562-2566) สัดส่วนรายได้ของผู้ผลิตกลุ่มนี้เทียบกับมูลค่าการผลิตสื่อบันเทิงของไทยยังเพิ่มขึ้นเป็น 3% จากปี 2019 ที่อยู่ราว 0.7% (ปี 2568 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 3.9%)
สุดท้ายนี้ เราคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่ากระแสของซีรีส์วายจะเติบโตได้อีกมากขนาดไหน เพราะตอนนี้ ซีรีส์วายเป็นมากกว่าแค่สื่อบันเทิง เพราะนี่คืออีกหนึ่งโอกาสสำคัญที่ไทยจะสร้างเม็ดเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคักมากกว่าที่เป็นอยู่
ที่มา : SCB EIC, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, กระทรวงพาณิชย์
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney