
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การเมืองไทยขณะนี้ว่า ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ทั้งการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จัดตั้งรัฐบาลใหม่ หรือยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ ขณะนี้ รัฐบาลเดิมยังคงเป็นรัฐบาลรักษาการ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ยังคงรักษาการ เพื่อให้การบริหารราชการเดินหน้าต่อได้ ยืนยันว่า งานทุกอย่างจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะมีข้าราชการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ส่วนการเมืองก็ให้เดินหน้าตามกรอบกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากมองในมุมประชาชน เห็นว่า การเมืองที่วุ่นวาย ทำให้ประเทศชาติ ประชาชนเสียโอกาส
เมื่อถามว่า ในฐานะนักการเมือง จะทำให้การเมืองดีขึ้นอย่างไร นายจตุพร กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับจิตสำนึก ถ้ามุ่งมั่นทำงานไม่มองผลประโยชน์ส่วนตัว แต่มองผลประโยชน์ส่วนรวม และประชาชนเป็นที่ตั้ง จะเป็นแรงขับเคลื่อนที่ดีได้ นอกจากนี้ ยังต้องมีกฎกติกา มารยาทด้วย ส่วนเมื่อถามว่า จะลงเลือกตั้งในนามพรรคการเมืองอะไร นายจตุพร กล่าวว่า “ผมยังไม่รู้เลย แต่เราก็ต้องเน้นสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้คนไทย”
ด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองขณะนี้ กำลังซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย ที่เผชิญแรงกดดันมากมาย ทั้งกำลังซื้อภายในหดตัว หนี้ครัวเรือนสูง ภาษีของสหรัฐฯ ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาชายแดน อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนไม่ยึดติดพรรคการเมืองใดจะได้เป็นรัฐบาล หรือจะจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จหรือไม่ หรือหากต้องยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ก็ขอให้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญโดยเร็ว หากมีผู้นำและครม.ที่มีศักยภาพ ประสานงานกับทุกฝ่ายได้ ก็จะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนและผู้ประกอบการได้
ส่วนนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ อาจทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณปี 68 ของภาครัฐไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพราะช่วง 11 เดือนของปีงบ 68 (ต.ค.67-ส.ค.68) ยังเบิกจ่ายได้เพียง 50% ต่ำกว่าเป้าหมายมาก และในช่วง 1 เดือนที่เหลือนี้ หรือภายในเดือนก.ย.นี้ ที่การเมืองไม่ชัดเจน อาจทำให้การเบิกจ่ายชะงักงัน อีกทั้งระยะเวลาที่ยาวนานเกินไปในจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ถือว่าไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ เพราะภาคการลงทุนจะชะลอรอดูความชัดเจน การขับเคลื่อนงานของราชการก็จะชะลอลง แต่ภาวะเศรษฐกิจต้องการการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ภาคเอกชนจึงต้องการความรวดเร็วและความชัดเจนมากที่สุด
ขณะที่นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารและที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมโฮสเทลประเทศไทย กล่าวว่า ขอให้ฝ่ายการเมือง จัดการการเมืองให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบยืดเยื้อไปถึงปีหน้า เพราะขณะนี้เศรษฐกิจมีปัญหามาก หนี้ครัวเรือนสูง ประชาชนทำมาหากินลำบาก นักการเมืองจะยุบหรือไม่ยุบสภา ประชาชนก็มาที่หลัง และกระอักเลือดแล้ว ที่ผ่านมานักการเมืองมัวแต่บริหารการเมืองจนไม่สนใจบริหารบ้านเมือง อีกทั้งอยากให้รัฐบาลใหม่เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อน โดยเฉพาะอัดฉีดเงินทุนให้เอสเอ็ม อี เพื่อฟื้นฟูสภาพคล่องและสร้างความเชื่อมั่นในภาคการลงทุน
ด้านนายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า อยากให้พรรคการเมือง หาทางออกตามกระบวนการของกฎหมาย แต่ถ้าไม่มีทางออก การยุบสภา และเลือกตั้งใหม่จะดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนเลือกดี เข้ามาบริหารประเทศ สำหรับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และรัฐบาลใหม่นั้น อยากให้ดูแล และแก้ปัญหาของเกษตรกร และชาวรากหญ้าอย่างใกล้ชิด เพราะที่ผ่านมา แทบไม่มีใครสนใจ ดูแล แก้ปัญหาให้เกษตรกรเลย ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ต้นทุนการผลิตสูง ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขจนถึงทุกวันนี้