Thailand Pavilion เปิดประตู “ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกัน” ชูศักยภาพ Medical Hub ดึงผู้ชมกว่า 1.38 ล้านคน

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

Thailand Pavilion เปิดประตู “ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกัน” ชูศักยภาพ Medical Hub ดึงผู้ชมกว่า 1.38 ล้านคน

Date Time: 25 ส.ค. 2568 14:44 น.

Video

อย่ากลัว! วิกฤติใหญ่ยังไม่เกิด หาโอกาสลงทุน กับ กวี ชูกิจเกษม | Thairath Money Night Stand EP.21

Summary

เปิดมิติใหม่ของประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติในงาน World Expo 2025 ภายใต้ธีม "THAILAND Connecting Lives for Greatest Happiness" นำเสนอศักยภาพและภูมิปัญญาด้านการแพทย์และสุขภาพของไทย ผสมผสานนวัตกรรมกับวัฒนธรรมอย่างลงตัว ดึงดูดผู้เข้าชมแล้วกว่า 1.38 ล้านคน พร้อมสร้างความประทับใจด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมอันวิจิตรตระการตาในวันชาติไทย ยืนยันถึงความสำเร็จในการนำเสนอ Soft Power ของประเทศสู่สายตาชาวโลก

Latest


ในดินแดนอาทิตย์อุทัย ยามที่โลกกำลังค้นหาคำตอบใหม่ๆ สำหรับอนาคต World Expo 2025 ได้เปิดฉากขึ้นที่เกาะยูเมะชิมะ นครโอซากา คันไซ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2568 และจะยาวนานไปถึง 13 ตุลาคม 2568

ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ที่ได้จัดขึ้น ณ ประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่เคยจัด World Expo ครั้งแรกไปเมื่อปี 2513 และปี 2548โดยมหกรรมที่จัดขึ้นนี้จะเป็นแม่เหล็กดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกให้มารวมตัวกัน 

ภายใต้ธีมอันทรงพลัง "Designing Future Society for Our Lives" การออกแบบสังคมแห่งอนาคตเพื่อชีวิตของเรา แต่นี่ไม่ใช่แค่เพียงงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ หากแต่เป็นเวทีแห่งความฝัน ความหวัง และนวัตกรรมที่ถักทอเรื่องราวมาอย่างยาวนานนับศตวรรษ

ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 19 จุดเริ่มต้นของงาน World's Fair หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ World Expo ไม่ใช่มีจุดประสงค์เพื่อเฉลิมฉลอง หากแต่เป็นการแสดงศักยภาพทางอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของชาติต่างๆ ทั่วโลก เป็นเหมือนการประกาศให้โลกรู้ว่า "ยุคสมัยใหม่ได้เริ่มต้นแล้ว"

โดยงาน World Expo ถูกจัดครั้งแรกในปี 1851 ภายใต้ธีม ‘The Great Exhibition’ ที่คริสตัลพาเลซ (Crystal Palace) กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งนับถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 174 ปีแล้ว

เพื่อเป็นเวทีให้ประเทศต่างๆ นำเสนอความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วัฒนธรรม และนวัตกรรมใหม่ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ สร้างแรงบันดาลใจ และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับโลก ทั้งผู้จัดแต่ละประเทศ รวมถึงผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเองด้วย 

จากจุดนั้น World Expo ได้เดินทางผ่านกาลเวลา เปลี่ยนแปลงบทบาทจากเวทีแสดงความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม สู่การเป็นพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและแนวคิด บางครั้งก็สะท้อนถึงความขัดแย้งและความหวังของยุคสมัย เช่นงานที่จัดขึ้นหลังสงครามโลก หรือในยุคที่โลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ทุกครั้งที่จัดงาน World Expo จึงเป็นเหมือนการเปิดสมุดบันทึกหน้าใหม่เลยก็ว่าได้ 

สำหรับ World Expo 2025 จึงไม่ใช่แค่การจัดงานเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จทางเทคโนโลยี แต่เป็นการเชิญชวนให้ผู้คนมาร่วมกัน "ออกแบบ" อนาคตที่เราอยากเห็น ภายใต้ธีมหลักที่แตกย่อยออกเป็นสามหัวข้อหลัก คือ

  • Saving Lives การปกป้องชีวิตผู้คน
  • Empowering Lives การพัฒนาคุณภาพชีวิต 
  • Connecting Lives ส่งเสริมความเข้าใจในความแตกต่างของวัฒนธรรม

โดยภายในงาน Expo 2025 มีจุดเด่นหลักๆ คือ The Grand Ring สถาปัตยกรรมไม้ขนาดมหึมาที่โอบล้อมพื้นที่จัดแสดงทั้งหมด รวมทั้งมีประเทศที่เข้าร่วมกว่า 158 ประเทศ ซึ่ง “ประเทศไทย” ก็เป็นหนึ่งในนั้น 

หลากหลายประเทศได้นำเสนอนวัตกรรมและอัตลักษณ์ของตนเองผ่านพาวิลเลียนที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น Canada Pavilion ที่ใช้แนวคิด “Regeneration” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปรากฏการณ์ธรรมชาติของน้ำแข็งที่ละลายในช่วงฤดูใบไม้ผลิ อาคารออกแบบให้สะท้อนถึงความอบอุ่น และความหวังของแคนาดา ผ่านการนำเสนอภาพลักษณ์ของธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงและฟื้นฟูตัวเอง ผู้เข้าชมจะได้รับ Tablet เมื่อส่องไปที่น้ำแข็งจะพบกับวิถีชีวิตและธรรมชาติ รวมถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ร้อยเรียงกัน 

ในขณะที่ Saudi Arabia Pavilion จัดภายใต้แนวคิด "Together for a Better Future" ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากโครงสร้างเมืองแบบดั้งเดิมของซาอุดีอาระเบีย สะท้อนประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และมรดกของราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการสร้างอาคารที่ยั่งยืนซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นต่อโลกที่ดีกว่า

Thailand Pavilion มีดีอะไร? ทำไมล้านกว่าคนต้องมาดู

สำหรับประเทศไทยเข้าร่วมงาน World Expo ครั้งแรกเมื่อปี 2405 ในสมัยรัชกาลที่ 4 ต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งในปัจจุบันจากนโยบายการพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) โดยเน้นการดูแลสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนด้วยการผสมผสานระหว่างการแพทย์แผนปัจจุบันและการแพทย์แผนไทย 

รวมไปถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism Destination) โดยครั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักในการนำเสนอประเทศไทยในฐานะ ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ผ่านอาคารจัดแสดง “วิมานไทย (VIMANA THAI)” นำเสนออัตลักษณ์ความเป็นไทยผ่านภูมิปัญญาท้องถิ่นและนวัตกรรมที่มีรากฐานมาจากภูมิปัญญาไทยในคอนเซป “SMILE” ภายใต้ธีม “THAILAND Connecting Lives for Greatest Happiness” หรือ สร้างสรรค์ชีวิตเพื่อความสุขที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ในโซน Connecting Lives

ซึ่งในครั้งนี้ Thairath Money ได้มีโอกาสร่วม Press Tour EXPO 2025 Exclusive Trip เพื่อเข้าร่วมวันเฉลิมฉลองของชาติไทย ที่จัดขึ้นในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ด้วยเช่นกัน

และจากการเข้าชม Thailand Pavilion บนพื้นที่ขนาด 3,500 ตารางเมตร โดยประมาณ พบว่าภายในอาคารนำเสนอนิทรรศการ จาก 1 สู่ 1,000,000 ที่จะนำประเทศไทยมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพโลก โดยประตูบานแรกพาเข้าสู่ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกันของไทย โซนนี้จะนำเสนอ "เฉลว" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการดูแลรักษาและป้องกันโรคของไทยมาตั้งแต่โบราณกาล

รวมทั้งในแต่ละโซนจัดแสดงมีความน่าสนใจไม่น้อย ทั้งหมุดหมายสุขภาพโลก โดดเด่นสะดุดตาด้วยการนำสถาปัตยกรรมไทยรูปทรง “จอมแห” มาผสมผสานให้เกิดรูปทรงหลังคาอาคารที่มีความเป็นไทยร่วมสมัย แต่ยังคงอัตลักษณ์ความเป็นไทยไว้ได้อย่างสวยงาม ประติมากรรมช้าง Mascot ประจำอาคารอย่าง น้องภูมิใจ แมงสี่หูห้าตาในตำนานพื้นบ้านของไทย

นิทรรศการทั้ง 7 โซน ให้ทั่วโลกได้ก้าวเข้ามาสัมผัสดินแดนแห่งความกินดี อยู่ดีสไตล์ไทยๆ

  • โซน 1 หมุดหมายสุขภาพโลก
  • โซน 10 มนต์เสน่ห์ของประเทศไทย 
  • โซน 100 เป็นศักยภาพสาธารณสุขไทย
  • โซน 1,000 สถานบริการทางการแพทย์
  • โซน 10,000 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ
  • โซน 100,000 ผลิตภัณฑ์สร้างภูมิคุ้มกัน
  • โซน 1,000,000 รอยยิ้มแห่งความประทับใจ

ที่มีทั้งกิจกรรมตรวจมวลกระดูก, หุ่นยนต์ดินสอ, ครัวอาหารไทยแบบเปิด, กิจกรรมนวดไทย อีกทั้งการแสดงของไทย และเวิร์คชอปทำยาดม โดยที่แต่ละโซนเรียงร้อยเรื่องราวจากอดีตสู่ปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ตัวเลขเป็นสัญลักษณ์ที่เพิ่มขึ้นตามความน่าสนใจและศักยภาพของประเทศ

จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการออกแบบและเนื้อหาของ Thailand Pavilion ไม่เพียงแต่เป็นการโชว์ศักยภาพทางเทคโนโลยีการแพทย์ แต่เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของความเป็นไทยที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ความใส่ใจ และความปรารถนาดีที่จะส่งต่อ "ความสุขที่ยั่งยืน" ให้กับทุกคนบนโลก

มุมมองผู้จัดงานที่ท้าทายไม่น้อย

อุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ กรรมการบริหารบริษัท ไร้ท์แมน จำกัด และกิจการค้าร่วม RMA110 ในฐานะผู้จัดงาน กล่าวว่า Thailand Pavilion ใช้ระยะเวลาเตรียมงานประมาณ 2 ปีเศษ ซึ่งค่อนข้างมีอุปสรรคหลายอย่าง เพราะเพิ่งพ้นจากวิกฤติโควิด ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานและวัสดุก่อสร้างทั่วโลก ทุกประเทศที่มาจัดงานต่างต้องแย่งชิงทรัพยากร 

ในฐานะผู้จัดงาน ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดคือ การทำงานแข่งกับเวลา และต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของญี่ปุ่นที่ค่อนข้างเข้มงวดและมีขั้นตอนที่ต้องได้รับอนุมัติในทุกๆ อย่าง ทำให้ต้องทำงานอย่างแม่นยำและรวดเร็วตลอดเวลา 

“การทำงานในญี่ปุ่นจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจในวัฒนธรรมการทำงานของคนญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือ และต้องมีคนกลางที่มีความเชี่ยวชาญในท้องถิ่นเพื่อเชื่อมต่อกับผู้รับเหมา รวมถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่เข้มงวดอย่างเคร่งครัด” อุปถัมป์ กล่าว

และเมื่อถามถึงการรื้อถอนหลังจบงาน Expo 2025 อุปถัมป์ เผยว่า วัสดุอาคารส่วนใหญ่หลังจบงานจะถูกนำไปรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ที่ญี่ปุ่น แต่ของบางส่วน เช่น ประติมากรรมช้าง และชิ้นงานจัดแสดงบางส่วนจะถูกส่งกลับมาที่ไทย เพื่อจัดแสดงที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้คนไทยได้เห็นและภาคภูมิใจในสิ่งที่ได้สร้างสรรค์ขึ้นมา 

“จุดเด่นของเราคือการผสมผสานสิ่งดีงามของไทยเข้ากับนวัตกรรมสมัยใหม่ นำเสนอทั้ง การแพทย์แผนไทยโบราณ และ เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย โดยเป็นการออกแบบนิทรรศการให้กระตุ้น ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของผู้เข้าชม ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส”

สำหรับความพร้อมของการเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน World Expo อุปถัมป์ มองว่า การที่ประเทศหนึ่งจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Expo ได้นั้น ต้องมีปัจจัยหลายอย่างที่สนับสนุน นอกเหนือจากการลงทุนทางเศรษฐกิจ เช่น นโยบายภาครัฐ 

ที่รัฐบาลต้องผลักดันอย่างจริงจังให้เป็นวาระแห่งชาติ และต้องมีการลงทุนมหาศาลเพื่อสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ระบบขนส่งมวลชน ที่พัก และแหล่งพลังงาน

รวมถึงสิทธิประโยชน์ แม้การลงทุนอาจมีมูลค่าสูง แต่ประโยชน์ที่ได้รับไม่ได้จำกัดแค่ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสร้าง การเรียนรู้ และการเปลี่ยนแปลงมุมมองของผู้คนในประเทศ ทำให้เกิดการพัฒนาวินัยและพฤติกรรมในสังคม ซึ่งการเป็นเจ้าภาพจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและเป็นโอกาสครั้งสำคัญในการพัฒนาประเทศในมิติอื่น ๆ นอกเหนือจากมิติทางเศรษฐกิจ

โชว์ Soft Power ไทยอันวิจิตรตระการตาบนเวทีเอ็กซ์โป

สำหรับ “วันเฉลิมฉลองของชาติไทย” (Thailand National Day Celebration) มี สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงโดยที่งานเฉลิมฉลองครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการนำเสนอเอกลักษณ์ไทยให้ชาวโลกได้สัมผัส ผ่านการแสดงศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยผสานนวัตกรรม สะท้อนแนวคิด “ENRICH LIFE, EMBRACE WELLNESS” ที่ชูศักยภาพของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้าน Wellness & Well-being ระดับโลก ครอบคลุมสุขภาพกาย จิตใจ สังคม และจิตวิญญาณภายในงาน ผู้เข้าร่วมจะได้ดื่มด่ำกับการแสดงระดับมาสเตอร์พีซ แบ่งเป็น 3 องก์สำคัญ ได้แก่

องก์ที่ 1 “ENRICH YOUR MIND” การขับเสภาประกอบการเชิดหุ่นละครเล็ก หุ่นพญานาค และรำเกี่ยวข้าว ถ่ายทอดความอุดมสมบูรณ์ของผืนแผ่นดินไทยผ่านพลังทางวรรณศิลป์และศิลปะการแสดงชั้นสูง

องก์ที่ 2 “ENRICH YOUR BODY” การแสดงกลองสะบัดชัย การไหว้ครูมวย และคีตะมวยไทย ที่ผสานดนตรีกับศิลปะการต่อสู้อย่างสง่างาม แสดงถึงภูมิปัญญาการป้องกันตัวที่สืบสานมาจากบรรพบุรุษ

องก์ที่ 3 “ENRICH YOUR SOUL” การขับร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์ “ส้มตำ” โดยศิลปินชั้นนำ ถ่ายทอดเสน่ห์ของอาหารไทยที่ครองใจคนทั่วโลก พร้อมการแสดงประเพณีไทยปิดท้ายอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีระหว่างนานาชาติ

การนำเสนอครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนศิลปวัฒนธรรม แต่ยังตอกย้ำศักยภาพด้าน Medical and Wellness Hub ของประเทศไทย เพื่อผลักดันให้เป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” ระดับโลก เชื่อมโยงพลังสร้างสรรค์กับความสุขที่ยั่งยืน ซึ่งคาดว่าจะช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าชมทั่วโลก และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับญี่ปุ่น จนถึงปัจจุบัน Thailand Pavilion มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 1.38 ล้านคน ซึ่งแต่ละวันมี 68 รอบ รอบละ 100-120 คน โดยมีการคาดการณ์ว่าตลอดระยะเวลาการจัดงานจะมีผู้เข้าชมรวมกว่า 28 ล้านคน ซึ่งนับเป็นความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจในการนำเสนอความเป็นไทยสู่สายตาโลก

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ