
ช่วงนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยเริ่ม “แผ่ว” โดยเฉพาะตั้งแต่ ก.พ.–พ.ค. 2568 เป็นต้นมา ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยต้อง ปรับลดเป้าทั้งปีเหลือ 34.5 ล้านคน ลดลง 2.8% จากปีก่อน และยังห่างจากระดับก่อนโควิดที่เคยแตะเกือบ 40 ล้านคนอยู่มาก คำถามคือ ถ้าเราหวังพึ่งนักท่องเที่ยวจีนเหมือนเดิมไม่ได้ แล้วใครจะมาแทน?
คำตอบที่มาแรงแบบไม่คาดคิด ก็คือ “อินเดีย” เพราะล่าสุด กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รายงานว่า “อินเดีย” ได้ขึ้นแท่น ตลาดผู้โดยสารทางอากาศระหว่างประเทศอันดับ 2 ของไทย แซงหน้า ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และมาเลเซีย เป็นที่เรียบร้อย!
ย้อนกลับไปปี 2562 อินเดียยังอยู่อันดับ 6 ด้วยซ้ำ ก่อนจะค่อยๆ ขยับขึ้นมาเรื่อยๆ จนในฤดูร้อนปี 2568 นี้ กลายเป็น ดาวรุ่งดวงใหม่ ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างแท้จริง
1. อินเดียขึ้น - จีนชะลอ
ในขณะที่จีนยังไม่กลับมาเต็มที่ (จากข้อจำกัดภายในประเทศ) เส้นทางบิน “อินเดีย–ไทย” กลับโตแรงกว่าใคร ปีนี้มีจำนวนที่นั่งบินระหว่าง 2 ประเทศ มากกว่า 2.2 ล้านที่นั่ง โตขึ้น กว่า 30% จากปีก่อน ทั้งที่ภาพรวมเที่ยวบินต่างประเทศเข้าไทยยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดถึง 45%
2. ชนชั้นกลางใหม่อินเดีย เติบโต มองหาแหล่งท่องเที่ยว
มีข้อมูลว่า อินเดียไม่ได้มีแต่นักท่องเที่ยวจากเมืองใหญ่แบบเดิมอีกต่อไปแล้ว เพราะตอนนี้ “ชนชั้นกลางหน้าใหม่” ในเมืองระดับ Tier-2 และ Tier-3 กำลังเริ่มออกเดินทาง
ทำไมไทยถึงโดนใจ?
3. ไทยเปิดกลยุทธ์ รุกตลาดอินเดียเต็มที่
ฝ่ายไทยเองก็ไม่น้อยหน้า นอกจากยกเว้นวีซ่าให้ 60 วันแล้ว ยังโปรโมตไทยผ่านหลายมิติ
ข้อมูลที่มีนัยสำคัญมากกว่าจำนวน คือ อินเดียไม่ใช่แค่ “มาเยอะ” แต่ “จ่ายเยอะ”กว่าชาติอื่นๆด้วย โดย ครึ่งปีแรกของปี 2568 นักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าไทยแล้วกว่า 1.3 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรายได้กลางถึงสูง ที่ พร้อมใช้จ่าย ทั้งกิน ช็อป และประสบการณ์
แต่อย่างไรก็ดี โอกาสมักมาพร้อมกับความท้าทาย โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ วิเคราะห์ต่อว่า แม้ตลาดอินเดียจะมาช่วยพยุงเศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยในจังหวะที่จีนยังฟื้นไม่เต็มที่แต่หลายพื้นที่ในไทยก็เริ่ม “อั้น” ไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะจุดหมายยอดฮิตอย่าง
นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงว่า สุดท้ายหากไทยยังพึ่งแค่ “ตลาดใดตลาดหนึ่ง” มากเกินไป ก็อาจเปราะบางในอนาคต เหมือนที่เคยเกิดกับจีนมาแล้ว เป็นต้น
ที่มา : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney