กัมพูชา กับบทพิสูจน์ใหม่ ในโลกไร้สิทธิพิเศษ เมื่อตั้งเป้า เตรียมออกจากกลุ่มประเทศยากจน ในปี 2572

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

กัมพูชา กับบทพิสูจน์ใหม่ ในโลกไร้สิทธิพิเศษ เมื่อตั้งเป้า เตรียมออกจากกลุ่มประเทศยากจน ในปี 2572

Date Time: 31 ก.ค. 2568 10:04 น.

Video

อย่ากลัว! วิกฤติใหญ่ยังไม่เกิด หาโอกาสลงทุน กับ กวี ชูกิจเกษม | Thairath Money Night Stand EP.21

Summary

จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เมื่อ “กัมพูชา” ตั้งเป้า ก้าวออกจาก “กลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด”ภายในอีก 4 ปี ข้างหน้า บนเส้นทาง โลกเศรษฐกิจไร้สิทธิพิเศษ จับตาบทพิสูจน์ใหม่ เติบโต อาจไม่เท่า“ก้าวหน้า”

Latest


ในขณะที่สายตาของสังคมไทย กำลังจับจ้องไปที่เหตุการณ์ความไม่สงบ ของพื้นที่ ชายแดนไทย - กัมพูชา ที่ยังไว้วางใจไม่ได้ 

ดูเหมือน กัมพูชา ก็กำลังดำเนินเกมของตัวเองในสมรภูมิเศรษฐกิจระดับโลกเช่นกัน ด้วยการตั้งเป้า ก้าวออกจาก “กลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด" หรือ LDC (Least Developed Countries) ให้ได้ภายใน 19 ธันวาคม ปี 2572 ซึ่งหมายถึงเหลือเวลาราว 4 ปี เท่านั้น 

การเปลี่ยนสถานะนี้ อาจฟังดูเหมือนความก้าวหน้าและความภาคภูมิใจในระดับชาติ แต่ในเชิงเศรษฐกิจ มันคือดาบสองคมที่กัมพูชาต้องแบกรับ 

Thairath Money เจาะสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้าน ที่ปัจจุบัน กลายเป็นคู่ขัดแย้งของไทย พบ ณ สิ้นปี 2567 กัมพูชา มี ประชากรราว 16.9 ล้านคน และ GDP ต่อหัวที่พยายาม ไต่ระดับให้แตะ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568 ให้ได้ หรือ ราว 98,063บาท/คน/ปี  เฉลี่ย 9,171 บาท/เดือน ซึ่งรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือนของกัมพูชา ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าไทยมาก

แม้กัมพูชา จะมีแนวโน้มเติบโตที่น่าจับตาทางเศรษฐกิจ เพราะมีการคาดการณ์ ว่า GDP Growth จะโตแตะ 6.2% ในปี 2569 และมีภาคส่งออก ยังเป็นหัวใจหลัก โดยเฉพาะสิ่งทอ รองเท้า ข้าว และพริกไทย

แต่สิ่งที่อาจเปลี่ยนไปทันที เมื่อพ้นสถานะ LDC คือ สิทธิประโยชน์ทางภาษี ที่เคยทำให้กัมพูชาเป็นฐานการผลิตสำหรับยุโรปและแคนาดา

UNDP ประเมินว่า หากกัมพูชาออกจากกลุ่ม LDC จริงในปี 2572 จะทำให้เศรษฐกิจ ชะลอลงถึง 1.5% และมีโอกาสสูญเสียงาน 165,000 ตำแหน่ง ซึ่งส่วนใหญ่คือผู้หญิงในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ

หากกัมพูชาตั้งเป้าออกจากกลุ่มประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด จะได้ - จะเสียประโยชน์ อย่างไร 

ข้อดี 

  • ดึงดูดนักลงทุนที่มองหา "ประเทศพัฒนาแล้ว" มากกว่าประเทศที่ยังพึ่งพาสิทธิพิเศษ
  • สร้างภาพลักษณ์ใหม่ในเวทีโลก
  • มีอำนาจต่อรองทางการค้าและการเมืองมากขึ้น

ข้อเสีย

  • สูญเสียสิทธิพิเศษทางภาษี โดยเฉพาะตลาดยุโรป อังกฤษ แคนาดา
  • แรงงานหญิงจำนวนมากเสี่ยงตกงาน
  • นักลงทุนบางส่วนอาจย้ายฐานการผลิตไปประเทศที่ยังได้รับสิทธิ LDC เช่น บังกลาเทศหรือเมียนมา

เมื่อไทยไม่ใช่แค่เพื่อนบ้าน แต่เป็น "ด่านแรกของการค้า"

สำหรับประเทศไทย ถือเป็นประเทศคู่ค้าชายแดนอันดับต้น ๆ ของกัมพูชา โดย มูลค่าการค้าชายแดนในช่วง ม.ค.-พ.ค. 2568 แตะถึง 83,844 ล้านบาท (โต 11.27%)

  • ไทยส่งออกไปกัมพูชา: 63,453 ล้านบาท
  • ไทยนำเข้า: 20,390 ล้านบาท

แต่การออกประกาศห้ามนำเข้าสินค้าจากไทยบางรายการ เช่น ผัก-ผลไม้ และน้ำมันเชื้อเพลิง จากความขัดแย้ง โดยกรมศุลกากรกัมพูชาเมื่อ 16 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา บ่งชี้ถึงแรงสะเทือนทางการค้า ที่เริ่มลามจากการเมืองสู่เศรษฐกิจจริงของกัมพูชาเอง 

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องจับตา คือ การเร่งโครงการทางด่วนมูลค่า 4.2 พันล้านดอลลาร์ จาก พนมเปญ-เสียมราฐ-ปอยเปต โดยทุนจีน (CRBC) ที่สะท้อนถึงการเตรียมพร้อมเชิงโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเชื่อมต่อเส้นทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอย่างจริงจัง

เส้นทางนี้อาจกลายเป็น "สายเลือดเศรษฐกิจใหม่" ที่เปิดทางให้กัมพูชาเชื่อมต่ออาเซียนได้อย่างแข็งแรงขึ้น ท่ามกลางแรงเสียดทานที่เพิ่มขึ้นจากหลายทิศ 

หรือ จะเป็นกรณี การปรับลด e-Visa ตั้งแต่ต้นปี 2568 เพื่อดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยว อาจเป็นการชดเชยรายได้และการจ้างงานจากการสูญเสียสิทธิทางภาษี แต่คำถามใหญ่คือ  กัมพูชาพร้อมหรือยังกับ “โลกที่ไม่มีสิทธิพิเศษ”? เพราะการพ้นจาก LDC นั้น ไม่มีทางกลับหลังได้ และสิทธิที่หายไป ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเรียกคืนได้ง่าย

สุดท้ายดูเหมือน กัมพูชากำลังเดินบนเส้นด้ายของความทะเยอทะยาน กับบทพิสูจน์ว่า “เศรษฐกิจโต” ไม่ได้แปลว่า “ทุกคนจะดีขึ้น” เสมอไป ในห้วงเวลาที่โลกจับตา... และเพื่อนบ้านเริ่มหันหลังให้กัน กัมพูชากำลังเล่นเกมเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าครั้งใด ในประวัติศาสตร์ประเทศของตน

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney



Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ