ความคาดหวัง...ผู้ว่า "ธปท." คนใหม่ ผลักดันแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทย "วิทัย รัตนากร" รอวันพิสูจน์ตัวเอง

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ความคาดหวัง...ผู้ว่า "ธปท." คนใหม่ ผลักดันแก้ปัญหาเศรษฐกิจไทย "วิทัย รัตนากร" รอวันพิสูจน์ตัวเอง

Date Time: 28 ก.ค. 2568 05:32 น.

Summary

แม้จะมีประสบการณ์การทำงานมาไม่น้อย แต่การเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ของ วิทัย รัตนากร ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 ต.ค.2568 มาพร้อมกับแรงกดดันมหาศาล นอกจากต้องรับมือกับมรสุมรุมเร้าด้านเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนนโยบายการเงินที่ควรสอดประสานกับนโยบายการคลังที่ขาดหายไปนานหลายปี เขายังต้องแบกรับความคาดหวังว่าจะเข้ามาเป็น 1 ในกำลังสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้พ้นจากปากเหวให้จงได้

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

แม้จะมีประสบการณ์การทำงานมาไม่น้อย แต่การเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ของ วิทัย รัตนากร ซึ่งจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 ต.ค.2568 มาพร้อมกับแรงกดดันมหาศาล

นอกจากต้องรับมือกับมรสุมรุมเร้าด้านเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนนโยบายการเงินที่ควรสอดประสานกับนโยบายการคลังที่ขาดหายไปนานหลายปี สร้างสมดุลใหม่ในการจัดการค่าเงินบาท อัตราดอกเบี้ย ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ ตลอดจนปล่อยสินเชื่อเข้าระบบเพื่ออัดฉีดเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปให้ได้แล้ว

เขายังต้องแบกรับความคาดหวังว่าจะเข้ามาเป็น 1 ในกำลังสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้พ้นจากปากเหวให้จงได้

ศุภวุฒิ สายเชื้อ
ประธานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)

ผมมีจุดยืนมานานแล้ว ที่ต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย นี่คือความคาดหวังต่อผู้ว่าการคนใหม่

เพราะนโยบายการเงินที่ผ่านมาตึงเกินไป ควรปรับให้ตึงน้อยกว่านี้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อยังต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ 1-3% โดยต่ำมานานนับ 10 ปีแล้ว นโยบายการเงินที่ตึงมากเกินไป ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ท่ามกลางกำลังซื้อภายในประเทศที่ตกต่ำลง เศรษฐกิจที่ชะลอตัว นโยบายการเงินถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้กำลังซื้อต่ำ

ขณะที่แบงก์ชาติพูดเสมอว่าต้องคำนึงถึงเสถียรภาพระบบการเงินเป็นหลัก แต่ไม่ได้คำนึงถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจ จะเห็นว่าช่วงหลังมานี้อัตราเงินเฟ้อและจีดีพีประเทศเติบโตช้ามากมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองตัวก็ทำให้ไม่มีเสถียรภาพ ที่ผ่านมาจีดีพีประเทศไทยโตต่ำกว่าศักยภาพที่ควรจะเป็น 5-4% แต่โตได้แค่ 2%

“ผมยืนยันว่า นโยบายการเงินต้องสอดประสานและทำงานร่วมกับนโยบายการคลังมากขึ้นอีกเยอะ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลก และปัจจัยที่มีความไม่แน่นอนอีกมากในอนาคต เราอยู่บนเรือไททานิคลำเดียวกัน ต้องทำงานร่วมกัน กำหนดทิศทางแก้ปัญหาร่วมกัน”

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา
ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด

การที่เรามีผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ เป็นโอกาสสำคัญที่จะนําประเทศไทย ก้าวไปสู่ระบบการเงินที่ทันสมัย เพราะ ธปท.มีบทบาทสําคัญอย่างยิ่งในการกำหนดนโยบายทางการเงินต่างๆของประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ของคนไทยโดยตรง

สิ่งหนึ่งที่ผมอยากขอให้ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ช่วยพิจารณา คือเรื่อง Strategic Bitcoin Reserve หรือการถือครองบิทคอยน์เป็นหนึ่งในทุนสํารองของประเทศ โดยไม่จําเป็นต้องเปลี่ยนคลังสํารองทั้งหมดเป็นบิทคอยน์ แต่ให้พิจารณาเพิ่มเข้าไปเป็นส่วนหนึ่ง ควบคู่ไปกับทองคําและสกุลเงินหลักที่มีอยู่เดิม เพราะหลายประเทศทั่วโลกเริ่มตื่นตัวกับแนวคิดนี้แล้ว ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกาได้จัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve อย่างเป็นทางการในเดือน มี.ค.2568 โดยถือครองบิทคอยน์ประมาณ 207,000 เหรียญสหรัฐฯ จีนถือครองเกือบ 200,000 เหรียญ และสหราชอาณาจักรถือครองประมาณ 61,000 เหรียญ ส่วนภูฏานเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจมาก ถือครองบิทคอยน์มากกว่า 13,000 เหรียญ โดยเริ่มซื้อบิทคอยน์ที่ต้นทุนประมาณ 600,000 บาทต่อเหรียญ ซึ่งตอนนี้บิทคอยน์ราคาขึ้นมาถึง 3,800,000 บาทแล้ว

สําหรับประเทศไทย หากเริ่มต้นตอนนี้ถือว่ายังไม่สายเกินไป แต่หากเริ่มต้นช้ากว่านี้เราจะมีต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นไปอีก ดังนั้น ตอนนี้คือยิ่งเร็วยิ่งดี ผมอยากให้ประเทศไทยตั้งทีมเพื่อศึกษาอย่างจริงจัง ประเทศไทยต้องเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบและทันท่วงที เพื่อให้ทันยุคสมัยของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้

นอกจากนี้ ผมอยากให้ยังคงสนับสนุนโครงการ Pro grammable Payment ต่อ เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านครั้งสําคัญในการชําระเงินรูปแบบใหม่ของประเทศ ซึ่งหากโครงการทดลองนี้สําเร็จ จะสร้างประโยชน์และเม็ดเงินให้กับประเทศอีกมาก

อิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

แวดวงการเงินการธนาคารต่างให้การยอมรับว่านายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีความเข้าใจสภาพเศรษฐกิจทั้งภาพใหญ่และขนาดเล็ก รวมทั้งมองเห็นภาพรายอุตสาหกรรมเป็นอย่างดี ดังนั้น จึงขอฝาก 5 การบ้านนโยบายการเงินให้ผู้ว่าการ ธปท.มาแก้ไข ประกอบด้วย 

1.Spread (ส่วนต่าง)ของดอกเบี้ยที่เหมาะสมและ เป็นธรรม 

2.แก้ปัญหาหนี้ของทั้งครัวเรือนและภาคธุรกิจทั้งในระบบและนอกระบบ 

3.Exchange Targeting หรือค่าเงินบาทที่อ่อนกว่าคู่แข่งในตลาดโลก เพื่อผลักดันการส่งออกที่เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย บนความเสี่ยงที่เกิดจากภาษีทรัมป์ รวมการท่องเที่ยวจากต่างชาติ

4.นโยบายการเงินผ่อนคลายให้สอดคล้องกับนโยบายการคลังของรัฐบาล เพื่อทำให้มีกระแสเงินไหลเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรม เอสเอ็มอีที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่สถาบันการเงินกลับเติบโตสวนทางภาคการผลิต 

5.ขอให้ ธปท.มีทางเลือกใหม่ๆในตลาดการเงิน (Beyond Traditional Banks) เพราะที่ผ่านมา เราพึ่งพิงแต่ธนาคารพาณิชย์มากเกินไปและธนาคารพาณิชย์มีแต่จะโตวันโตคืน ขยายขอบเขตบริการมากมายแต่กลับไร้เครื่องมือทางการเงิน หรือทางเลือกใหม่ๆมาเป็นทางออกให้ธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอีและประชาชนให้ได้ใช้บริการ

“ที่ผ่านมาประเทศไทยได้ทดลองใช้บริการผู้ว่าการ ธปท. มาหลากหลายสูตร ทั้งจากแวดวงลูกหม้อ ธปท., ผู้บริหารธนาคารพาณิชย์, นักวิชาการ จึงถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องลองใช้บริการจากคนที่ผ่านงานวงการเงิน ที่เป็นกลไกของรัฐแบบนายวิทัย ที่น่าจะเป็นนักปฏิบัติมากกว่านักทฤษฎีบนหอคอยงาช้าง เป็นนักประสานงาน รับฟัง เข้าใจทุกภาคส่วน เข้าใจโจทย์จริง เช่น ภาษีทรัมป์ มากกว่ายึดตำราทฤษฎีมากเกินไป”

“หวังว่าผู้บริหารทุกระดับใน ธปท.จะให้ความร่วมมือกับนโยบายของรัฐบาลและนโยบายของผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ โดยยึดประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้งมากกว่ายึดติดกับกรอบการบริหารแบบเดิมๆ”

ศิริกัญญา ตันสกุล
สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน

ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ต้องเผชิญกับโจทย์หินของเศรษฐกิจประเทศไทย ด้วยกลไกเชิงนโยบายที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาจจะใช้ไม่ได้ผลเหมือนเดิม อีกทั้งปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาคที่เคยมั่นคง มีความเปราะบางมากขึ้น ทั้งภาคการคลังและหนี้ครัวเรือน

ทั้งนี้ หากจะมีการใช้นโยบายการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบายเพียงอย่างเดียว แต่กลไกการส่งผ่านให้เกิดการลดดอกเบี้ยเงินกู้กลับเป็นไปได้อย่างล่าช้า ทั้งๆที่ตลอดระยะที่ผ่านมาดอกเบี้ยนโยบายได้ปรับลดลงแล้ว 0.75% แต่ดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อรายย่อย MRR มีการปรับลดไม่ถึง 50% ของดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดไป แม้แต่ธนาคารออมสินได้ปรับลดดอกเบี้ย MRR ไปเพียง 0.30%

และถึงแม้ว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายแล้ว แต่การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยังคงหดตัวด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทำให้สถาบันการเงินใช้เวลาในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อยาวนาน เพราะต้องพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อป้องกันความเสี่ยงและไม่ให้เป็นหนี้เสีย

และโจทย์ที่ยากไปกว่านั้น รออยู่หลังข้อตกลงการค้าและภาษีสหรัฐฯปรากฏความชัดเจนขึ้น เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจประเทศไทยจะชะลอตัวหนักกว่าที่เป็นอยู่ และกำลังรอมาตรการพยุงและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากภาคการเงินอยู่

ดังนั้น จึงคาดหวังว่าผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่จะมีความกล้าหาญที่จะใช้ทุกวิธีการและทุกวิถีทาง รวมถึงทางเลือกนโยบายใหม่ๆ แต่ยังคงอยู่ภายใต้หลักวิชาการและหลักเกณฑ์ ด้วยการสอดประสานนโยบาย ทั้งนโยบายการเงิน นโยบายกำกับสถาบันการเงิน รวมถึงประสานนโยบายการ คลังกับรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้ได้สำเร็จลุล่วง เพราะ ธปท.เป็นอีกหนึ่งกลไกในการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน.

ทีมเศรษฐกิจ

อ่านคอลัมน์ "สกู๊ปเศรษฐกิจ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ