ไทยเจ็บแค่ไหน ถ้าลดภาษีให้สหรัฐฯ เหลือ 0%  แลกภาคส่งออกดีขึ้น แต่ธุรกิจในประเทศอาจไม่รอด

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ไทยเจ็บแค่ไหน ถ้าลดภาษีให้สหรัฐฯ เหลือ 0% แลกภาคส่งออกดีขึ้น แต่ธุรกิจในประเทศอาจไม่รอด

Date Time: 28 ก.ค. 2568 09:00 น.

Video

อย่ากลัว! วิกฤติใหญ่ยังไม่เกิด หาโอกาสลงทุน กับ กวี ชูกิจเกษม | Thairath Money Night Stand EP.21

Summary

ไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากทั้งความขัดแย้ง การเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษี และสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ–จีน หากลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ เหลือ 0% อาจช่วยภาคส่งออก แต่เสี่ยงกระทบธุรกิจภายในประเทศ ภาคธุรกิจไทยจึงต้องปรับตัวให้ไว แข่งขันด้วยคุณภาพและราคา

Latest


สถานการณ์ของประเทศไทยในตอนนี้ยังถือว่าอยู่ในระดับน่าเป็นห่วง เพราะปัจจัยหลายอย่างที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกัน ทั้งความขัดแย้งระหว่างไทย - กัมพูชา, น้ำท่วมน่าน รวมไปถึงการเจรจานโยบายภาษีนำเข้ากับสหรัฐอเมริกา ที่ยังหาข้อสรุปที่ชัดเจนไม่ได้

แม้ว่าการส่งออกครึ่งปีแรกของไทยจะมีการขยายตัวดีต่อเนื่อง แต่การปิดดีลกับโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหลายประเทศล้วนแต่ยื่นข้อเสนอที่แทบจะเรียกได้ว่าเสียเปรียบเพื่อให้ได้อัตราภาษีระดับต่ำ เช่น ลดภาษีนำเข้าให้กับสหรัฐฯ เหลือเพียง 0%

หากลดภาษีให้สหรัฐฯ เหลือ 0% ไทยจะได้ - เสียอะไรบ้าง?

ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯ สูงถึง 36% ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค ส่งผลให้ในแง่การแข่งขันนั้น เรายังตามหลังประเทศเพื่อนบ้านอย่าง อินโดนีเซีย เวียดนาม หรือญี่ปุ่น ที่เจรจาปิดดีลกับสหรัฐแล้ว และได้รับการปรับอัตราภาษีใหม่ที่น้อยลงกว่าเดิมในระดับ 15% - 20%

แม้ว่าการส่งออกครึ่งปีแรกของไทยจะมีการขยายตัวดีต่อเนื่องอยู่ที่ประมาณ 15.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยมาจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และทองคำ แต่ครึ่งปีหลังนั้น ภาคการส่งออกไทยมีแนวโน้มที่จะหดตัวราว 10% เพราะความกังวลเรื่องภาษีทรัมป์ ทำให้ไทยเร่งเจรจาเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ภาษีต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แต่การจะปิดดีลกับโดนัลด์ ทรัมป์ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะประเทศเหล่านี้ล้วนแต่ยื่นข้อเสนอที่แทบจะเรียกได้ว่าเสียเปรียบเพื่อให้ได้อัตราภาษีระดับต่ำ เช่น ตกลงที่จะซื้อเครื่องบินจากสหรัฐฯ หรือลดภาษีนำเข้าให้กับสหรัฐฯ เหลือเพียง 0% แต่สหรัฐฯ ยังคงเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศนั้นอยู่แม้จะลดให้

ซึ่งเกิดการตั้งคำถามแบบนี้ขึ้นมากับประเทศไทยว่า หากเราจะไปเจรจาให้ถูกใจทรัมป์ ต้องลดภาษีให้เหลือ 0% เหมือนประเทศอื่นไหม? หากยอมลดให้ จะเกิดผลดีและผลเสีย อย่างไรกับประเทศไทยต่อไป?

จากรายงานของวิจัยกรุงศรี พบว่า ในกรณีที่ไทยปิดดีลด้วยการเสนอเก็บภาษีสหรัฐ 0% เพื่อให้สหรัฐฯ ลดภาษีนำเข้าเหลือ 20% นั้นมีทั้งข้อดีคืออาจช่วยลดความเสียหายของภาคการส่งออกได้มากถึง 9 เท่า และข้อเสียคือการนำเข้าจากสหรัฐฯ ที่หลั่งไหลเข้าไทยนั้นอาจพุ่งสูงขึ้น และสร้างความเสี่ยงในระยะยาว เช่น

  • ความเสียหายต่อการส่งออกไทย 

ลดลงจาก -162,100 ล้านบาท เหลือแค่ -17,400 ล้านบาท

  • การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ

   เพิ่มขึ้นจาก 161,300  ล้านบาท เป็น 188,300 ล้านบาท

และยังระบุว่า ไทยเสี่ยงเผชิญภาวะ “Twin Influx” หรือการไหลทะลักของสินค้านำเข้าจากจีนและสหรัฐฯ พร้อมกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องน่ากังวลอย่างมากสำหรับภาคธุรกิจไทย ที่ต้องเอาตัวรอดจากทั้งเศรษฐกิจซบเซา คนใช้จ่ายน้อย และการแข่งขันเรื่องราคากับสินค้าต่างประเทศ

นอกจากสินค้าจีนที่จะไหลเข้ามาแล้ว ไทยยังเสี่ยงที่จะเผชิญกับการไหลทะลักของสินค้าสหรัฐฯ ที่มาจากภาษีนำเข้า 0% ด้วย ซึ่งอาจส่งผลเสียในระยะยาวต่อภาคธุรกิจไทย โดย ศูนย์วิจัยกรุงศรี ประเมินว่า สินค้าจากสหรัฐฯ ที่จะทะลักเข้ามาในไทยในภาวะ Twin Influx นั้น มีดังนี้

  • อาหาร และเครื่องดื่ม 155%
  • เกษตรกรรม 134%
  • ยานยนต์ และอุปกรณ์ขนส่ง 74%
  • สิ่งทอ เครื่องหนัง และรองเท้า 50%
  • ยางและพลาสติก 43%

อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันภาวะ Twin Influx ภาคธุรกิจไทยอาจจะต้องปรับตัว ลดต้นทุนและราคาให้สามารถสู้กับสินค้าที่ทะลักเข้ามาจากต่างประเทศได้  เพราะหากไทยปิดดีลเจรจากับสหรัฐฯ ด้วยการลดภาษีนำเข้าสู่ไทยให้เหลือแค่ 0% เหมือนที่ประเทศอื่นทำ เราอาจได้ทั้งรับและเสียผลประโยชน์ในคราวเดียวกัน

ดังนั้น หากภาคธุรกิจอยากอยู่รอดในกรณีที่ไทยอาจเผชิญกับการที่สินค้าทะลักเข้าไทย ต้องปรับตัวให้ไวตามสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจ


ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ