
แม้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นสงครามเต็มรูปแบบ แต่ความขัดแย้งที่ชายแดน ไทย–กัมพูชา กำลังถูกจับตามอง โดยเฉพาะผลกระทบ “ต่อเศรษฐกิจ” จริงที่อาจเกิดขึ้นกับคนไทยทุกระดับ เพราะหากประเมินจากเส้นทางประวัติศาสตร์และข้อมูลปัจจุบัน บ่งชี้ว่า หากเหตุปะทะยืดเยื้อหรือทวีความรุนแรง สิ่งที่จะสะเทือนทันที คือ การค้าชายแดน การส่งออก
เมื่อการค้าอาจสะดุด ค่าเงินบาทสั่นคลอน และราคาสินค้าในชีวิตประจำวันอาจเปลี่ยนไป กระทบต่อค่าครองชีพ ไม่นับรวมความเสี่ยง ที่ไทยเราอาจขาดแคลน “แรงงาน” หากชาวกัมพูชาถูกเรียกกลับประเทศ
เจาะข้อมูล ปี 2567 ไทยส่งออกไปกัมพูชาราว 3.2 แสนล้านบาท ส่วนตั้งแต่ ม.ค. - พ.ค. 2568 มูลค่าส่งออกสูงราว 1.4 แสนล้านบาท จึงอาจตีเป็นตัวเลขผลกระทบ ได้ไม่ต่ำกว่า หมื่นล้านบาท/เดือน และมีทิศทางตัวเลขติดลบตั้งแต่ เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ขณะที่ กว่า 90% ของการค้าทั้งหมดพึ่งพาด่านหลัก เช่น อรัญประเทศ คลองลึก จันทบุรี และตราด ซึ่งหากสถานการณ์ทำให้การปิดด้านชั่วคราว ถูกประเมินความความเสียหาย จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า อาจสูงถึง 500 ล้านบาท/วัน โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม
" ผู้ส่งออก และ นำเข้า SMEs ในพื้นที่ชายแดน จึงกลายเป็นกลุ่มแรกๆ ที่จะโดนผลกระทบ"
การปิดด่านถาวรหลายจุด ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจบริเวณชายแดนหยุดชะงักทันที ผู้ประกอบการท้องถิ่น และแรงงานที่เคยพึ่งพาการเดินทางข้ามแดนเพื่อเลี้ยงชีพ กำลังเผชิญกับภาวะไร้รายได้โดยสิ้นเชิง และความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา ยังส่งผลกระทบลึกถึงภาคอุตสาหกรรมบางกลุ่ม โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กลุ่มเกษตรแปรรูป เมื่อการขนส่งหยุดชะงัก โรงงานในฝั่งไทยไม่สามารถผลิตต่อได้ ขณะที่เกษตรกรฝั่งกัมพูชาก็ไม่สามารถระบายผลผลิตได้เช่นกัน
นี่จึงไม่ใช่แค่ปัญหาด้าน “การค้า” แต่กำลังลุกลามเป็นแรงสั่นสะเทือนในห่วงโซ่อุปทานของทั้งภูมิภาค
ผลกระทบจากด่านเล็ก อาจส่งแรงสะเทือนถึงภาพใหญ่ของเศรษฐกิจชายแดน... แล้วจะเกิดอะไรขึ้น หากสถานการณ์ยืดเยื้อกว่านี้?
ตลาดการเงินตอบสนองต่อ “ความไม่แน่นอน” ไวกว่าใคร หากสถานการณ์ชายแดนถูกประเมินว่ามีโอกาสยืดเยื้อ
“พูน พานิชพิบูลย์” นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ตั้งแต่คืนที่ผ่านมา เงินบาทยังเคลื่อนไหวแบบไร้ทิศทางที่ชัดเจน เพราะนอกจากต้อง เกาะติด ตัวเลข เศรษฐกิจสหรัฐแล้ว ตลาดยังเกาะติดเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วย โดยลุ้นให้รัฐบาลหาทางหยุดกรณีปะทะกันโดยเร็วที่สุด
วิเคราะห์ต่อเนื่อง ถ้า”เงินบาทอ่อน” อาจทำให้นักลงทุนต่างชาติอาจถอนเงินออกจากสินทรัพย์ไทยชั่วคราว ค่าเงินบาทอาจอ่อนตัวในระยะสั้น ยังกดดันราคานำเข้า เช่น น้ำมัน พลังงาน และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และแม้ไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูง แต่จิตวิทยาตลาดอาจทำให้เงินบาทอ่อนเร็วกว่าที่คาด
ข้อมูลจาก สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว รายงาน ณ สิ้นเดือน พ.ค.2568 ประเทศไทยมีแรงงานจากกัมพูชา ทำงานในประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 512,184 คน ซึ่งหากถูกเรียกกลับประเทศหรือไม่สามารถข้ามแดนได้ภาคการผลิต–บริการ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมใหญ่ อย่างภาคการก่อสร้าง จะขาดแรงงานทันที ราคาวัตถุดิบที่เคยได้จากกัมพูชา เช่น ยาง ปาล์ม หรือปลาน้ำจืด หากชะงัก อาจทำให้ต้นทุนผู้ผลิตในไทยเพิ่ม เมื่อต้นทุนเพิ่ม ราคาสินค้าก็ปรับตัวขึ้น อาจกลายเป็นแรงผลัก “เงินเฟ้อ” ที่อาจกระทบต่อครัวเรือนทั่วไป
แม้หากประเมินจากสถานการณ์ปัจจุบัน ความตึงเครียดชายแดนครั้งนี้ อาจยังไม่กระทบเศรษฐกิจวงกว้างทันทีแต่หากยืดเยื้อ 1–2 เดือนขึ้นไป หรือมีการปิดด่านติดต่อกันหลายวัน ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจริงอาจเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะท่าทีของฝ่ายต่างๆ เช่น
ท้ายที่สุด สำหรับคนไทยทั่วไป แม้เราจะไม่ใช่ผู้กำหนดทิศทางความขัดแย้ง แต่เราอาจต้อง “เตรียมตัว” หากความไม่แน่นอนลุกลาม ไม่ว่าจะเป็น …
ทั้งหมดเป็นบทสรุปที่ว่า วันนี้ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ที่เราเคยๆได้ยินกัน จากที่เคยมองว่าไกลตัว ตอนนี้ “ใกล้ตัว” เรามากกว่าที่คิด เพราะในโลกเศรษฐกิจ เชื่อมโยงกันหมด ไม่มีใครอยู่รอดโดยไม่รับผลกระทบ การรู้เท่าทัน เตรียมพร้อม และไม่ตื่นตระหนก คือสิ่งที่ดีที่สุดในวันที่สถานการณ์ยังไม่แน่นอน.
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney