
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีเสียงวิจารณ์รัฐบาลไม่ได้เตรียมมาตรการรองรับผลผลิตลำไย ที่กำลังออกสู่ตลาดขณะนี้จำนวนมาก จนทำให้ราคาตกต่ำว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมมาตรการบริหารจัดการผลไม้ปี 68 แบบครบวงจร รวม 7 มาตรการ 25 แผนงาน ครอบคลุมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงส่งเสริมการแปรรูปและปรับพื้นที่ให้เหมาะสม มาตั้งแต่ก่อนที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาด โดยตั้งเป้าหมายระบายผลไม้ 950,000 ตัน
แต่เนื่องจากปีนี้ ผลผลิตลำไยของ 8 จังหวัดภาคเหนือ คือ เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง ตาก แพร่ และน่าน มีมากถึง 1.064 ล้านตัน เพิ่มขึ้นถึง 117,102,000 กิโลกรัม หรือ 117,102 ตัน จากปี 67 ที่มีปริมาณ 947,140 ตัน เพราะสภาพอากาศเย็นยาวนาน เอื้อต่อการติดดอก ดังนั้น ทั้งนายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ จึงสั่งการให้กรมการค้าภายในและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งขับเคลื่อนมาตรการเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือผู้ปลูกลำไย ตั้งแต่ช่วงต้นฤดู ทั้งกระจายผลผลิตและขยายตลาดส่งออก
สำหรับมาตรการเร่งด่วนเพิ่มเติม ได้แก่ 1.เชื่อมโยงลำไยส่งออก โดยรวบรวมรับซื้อลำไย (สดช่อ) เพื่อส่งออก 2.จัดกิจกรรมกระตุ้นการบริโภคผลไม้ไทยภายในประเทศ ผ่านแคมเปญ Thai Fruits Festival 2025 3. เชื่อมโยงลำไยผ่านเครือข่ายพันธมิตร เช่น แมคโคร, โลตัส, บิ๊กซี, ท็อปส์, โก-โฮลเซลล์ และเดอะมอลล์ รวมทั้งห้างค้าส่ง – ค้าปลีกท้องถิ่น ให้รับซื้อจากเกษตรกรโดยตรง 4.สนับสนุนการซื้อผลไม้ Pre-Order และดึงภาคเอกชนร่วมช่วยเหลือในรูปแบบกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) เพื่อดูดซับผลผลิตต่อเนื่องตลอดฤดูกาล
5.สนับสนุนบรรจุภัณฑ์ โดยให้สถาบันเกษตรกรใช้กล่องบรรจุภัณฑ์กระจายผลผลิตผ่านไปรษณีย์ไทย 6. เชื่อมโยงผู้ประกอบการและสถาบันเกษตรกรให้รับซื้อผลผลิตโดยตรง ด้วยการทำบันทึกความเข้าใจกับสมาคมผู้ผลิตลำไยอบแห้ง และกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 7.เชื่อมโยงสินค้าเข้าสู่สถานีบริการน้ำมันเพื่อแจกเป็นของสมนาคุณ และ 8. ขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ ได้แก่ น้ำผลไม้สมูทตี้ผ่านตู้เต่าบิน และจับมือ บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด แปรรูปทำเป็นเมนูอาหารและเครื่องดื่มเสิร์ฟบนเครื่องบิน
“นอกจากทั้ง 8 มาตรการนี้แล้ว รมช.พาณิชย์ นายสุชาติ ยังได้สั่งการให้ตั้งวอร์รูม ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกับกำหนดมาตรการฉุกเฉินในกรณีจำเป็น ได้แก่ สนับสนุนค่าบริหารจัดการให้โรงอบรับซื้อผลผลิตเพิ่มเพื่อรวบรวมรับซื้อลำไยรูดร่วง มาอบแห้งและส่งออก สำหรับด้านต่างประเทศ ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ในประเทศต่างๆ เร่งเปิดตลาดศักยภาพใหม่ๆ และกระตุ้นการนำเข้าในตลาดเป้าหมายหลัก ทั้งจีน อินเดีย อินโดนีเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงเพิ่มช่องทางขายผ่านแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซควบคู่กันไปด้วย”
อย่างไรก็ตาม นายจตุพร มีนโยบายในการสร้างเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะร่วมมือกับทุกหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง แก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรเชิงโครงสร้างทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยจะกำหนดพื้นที่เป้าหมายจัดทำพื้นที่นำร่อง (แซนด์บ็อกซ์) เพื่อเป็นต้นแบบให้กับสินค้าเกษตรทุกชนิด และสร้างเสถียรภาพด้านราคาสินค้าเกษตรอย่างยั่งยืน