
เจรจามือเปล่า แต่ผลกระทบเต็มกระเป๋า ...
ย้อนไป “รัฐบาลไทย” ใช้เวลาเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายเดือน เพื่อหวังต่อรองลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย เทียบกรณี “เวียดนาม” เดินเกมเชิงรุกเจรจาจนสำเร็จ สหรัฐฯผ่อนปรน ลดอัตราภาษีให้ จาก 46% เหลือแค่ 20% เท่านั้น
ล่าสุด ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ส่งจดหมายลงนามร่อนถึงไทย ประกาศชัดเจน สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้าจากไทย ที่ 36% เท่าเดิม บังคับใช้ทันที 1 ส.ค. 2025 เป็นต้นไป ในขณะที่เวียดนามได้ 20% มาเลเซียได้ 25% นั่นเท่ากับว่า ไทยเสียเปรียบคู่แข่งกลุ่มประเทศส่งออก มากถึง 10-16% ดูเหมือนไม่เยอะ แต่ผลกระทบที่ตามมานั้น “สาหัสกว่าที่คิด”
“ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล” นักเศรษฐศาสตร์ ออกมาประเมินว่า ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายขั้นสุด เมื่อตกอยู่ในสถานะ “ด้อยกว่า” เวียดนาม เพราะผู้นำเข้าไม่จำเป็นต้องซื้อจากไทย ถ้าซื้อจากคู่แข่งถูกกว่า
ยิ่งไปกว่านั้น มีนัยกับคนที่คิดจะมาลงทุนในไทย หรือ จะมาสร้างโรงงานในไทยทำไม ? เพราะถ้าสร้างเสร็จแล้ว ต้นทุนภาษีส่งไปสหรัฐฯ ตลาดใหญ่ แพงกว่าคู่แข่ง ส่งไปก็สู้ไม่ได้ อาจโยกไปที่เวียดนามแทนอย่างเห็นได้ชัด
สหรัฐเก็บภาษีไทย 36% แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับ “คนไทย” บ้าง?
เมื่อสหรัฐฯถือไพ่เหนือเรา “เวียดนาม” ได้เปรียบเต็มๆ ไทยกำลังถอยไปอยู่ในตำแหน่ง ประเทศที่ “ส่งของไปขายแพงกว่าคนอื่น”
1. สินค้าไทยขายยากขึ้นในตลาดสหรัฐฯบริษัทต่างชาติต้องเลือกซื้อของถูก แน่นอนว่าเวียดนามชนะ โรงงานในไทยจึงอาจเกิดภาพ “ออเดอร์หาย” รายได้ลด
2. นักลงทุนเริ่มถอย ไม่ตั้งโรงงานในไทย ถ้าภาษีส่งออกยังแพง ต่อให้แรงงานเก่ง โรงงานทันสมัย ข่าวที่ว่าทุนต่างชาติจะย้ายเข้ามา เขาก็อาจหันไปตั้งฐานผลิตในเวียดนามแทน ในเชิงเศรษฐกิจ เท่ากับ เงินลงทุนหลายหมื่นล้านบาทจะ“หายวับ”ไปกับตา
3. โรงงานในไทยผลิตน้อยลง คนตกงานมากขึ้น ปฎิเสธไม่ได้ เมื่อไม่ออเดอร์ โรงงาน ผู้ประกอบการก็ไม่ต้องจ้างเพิ่ม หรืออาจต้องเลิกจ้าง- ว่างงานพุ่ง คนหาเงินไม่ทันใช้จ่าย- กระทบความสามารถในการจับจ่ายของประชาชน
4. การบริโภคในประเทศหดตัว เงินในกระเป๋าหายไปเป็นธรรมชาติ ตกงาน ชั่วโมงทำงานลดลง รายได้น้อยลง ปลายทางคือ การใช้จ่ายลดลง
5. เศรษฐกิจไทยอ่อนแรง สะเทือนทั่วทั้งระบบ กลายเป็นว่า นี่ไม่ใช่แค่เรื่อง "ภาษีส่งออกแพงกว่าเวียดนาม"แต่มันคือสัญญาณเตือนแรงว่า ไทยอาจกำลังเสียตำแหน่งผู้นำการผลิตในอาเซียนไปต่อหน้าต่อตา ถ้าไม่เร่งแก้เกม และปล่อยให้เสียเปรียบแบบนี้ไปอีกแค่ 1-2 ปี อนาคตของแรงงานไทย และเงินในกระเป๋าคนไทยจะยิ่งหายไปแบบไม่มีวันได้คืน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานว่า "พิชัย ชุณหวชิร" รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กำลังเดินหน้าเจรจากับสหรัฐฯต่ออีกครั้ง โดยมั่นใจว่า สหรัฐฯจะลดภาษีให้ไทย ต่ำกว่า 36% อย่างแน่นอน หลังจัดทำข้อเสนอใหม่ยื่นไป
ด้าน ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ KKP Research บล.เกียรตินาคินภัทร ให้มุมมองว่า จดหมายเรียกเก็บภาษีไทย 36% ของสหรัฐ ไม่ต่างจาก The art of the deal เวอร์ชันเรียกค่าคุ้มครอง บีบให้ไทยต้องเลือก จะยอมเสียบางอย่างตอนนี้ เพื่อไม่ให้เสียอนาคตทั้งหมด หากเราเดินเกม Give-and-Take ค่อย ๆ เปิดตลาดเกษตร พร้อมกันชน‐ชดเชย และเร่ง “ยกระดับศักยภาพแข่งขัน” ไม่เพียงแค่รอดภาษี 36 % แต่ยังอาจใช้จังหวะนี้เร่งเครื่องเศรษฐกิจไทยสู่มูลค่าสูงกว่าเดิมให้ได้
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney