
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ กลุ่มดีลเลอร์ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเนต้า สัญชาติจีน จะเดินทางไปกรมสรรพสามิต เพื่อหารือและขอแนวทางดูแล จากกรณีมีประชาชนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้ร้องเรียนถึงปัญหาการใช้บริการหลายรูปแบบ อีกทั้งภาครัฐยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของบริษัท ซึ่งอาจไม่สามารถก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศได้ตามมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี 3.0) นั้น
สำหรับแนวทางการแก้ปัญหา ค่ายรถยนต์เนต้า ที่มีปัญหาการขาดสภาพคล่องจากบริษัทแม่ที่จีน และมีแนวโน้มไม่สามารถตั้งโรงงานรถยนต์ผลิตรถชดเชยในไทยได้ตามเงื่อนไขอีวี 3.0 นั้น กระทรวงการคลังได้รับทราบแล้ว โดยกรมสรรพสามิตได้ติดตามปัญหาอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้หารือถึงแผนการผลิตในเบื้องต้นจะรายงานสถานการณ์ รวมถึงแนวทางการแก้ไขให้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) พิจารณาหาทางออกในเรื่องนี้
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าอาจขอให้ เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) ได้ใช้สิทธิเข้าร่วมมาตรการอีวี 3.5 เพื่อขยายเวลาชดเชยการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกไป ช่วยต่อลมหายใจให้กับดีลเลอร์ ซัพพลายเชนผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชน เพราะเนต้าแจ้งว่า ขณะนี้ได้ผู้ลงทุนรายใหม่แล้ว และเตรียมประกาศโครงสร้างบริษัทใหม่ในช่วงกลางเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งจะทำให้ปัญหาการขาดสภาพคล่อง รวมถึงการขาดแคลนอะไหล่ดังกล่าวคลี่คลาย
ปัจจุบัน เนต้า มีเงื่อนไขต้องผลิตชดเชยรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ตามมาตรการอีวี 3.0 ให้ได้ 1.5 เท่าของยอดรถที่เข้าร่วมมาตรการ ในสิ้นปี 68 คิดเป็นจำนวน 19,000 คัน แต่หากมีการเข้าร่วมมาตรการอีวี 3.5 แล้ว จะได้รับการขยายเวลาผลิตรถเพิ่มไปถึงปลายปี 70 แต่ก็ต้องมียอดผลิตรถชดเชยเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่า
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า กรมสรรพสามิตได้มีการกำกับดูแลติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมมาตรการสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า ปฏิบัติตามเงื่อนไข แต่หากบริษัทใดไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขการผลิตรถชดเชย จะต้องคืนเงินอุดหนุนที่ได้รับไปให้กับรัฐ