ร้านอาหารอ่วม! ปิดกิจการเพียบ

นายสรเทพ โรจน์พจนารัช ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร เปิดเผยว่า สถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารในไตรมาส 2 เลวร้ายกว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยธุรกิจร้านอาหารยังเป็นธุรกิจที่ติด 1 ใน 3 ที่ปิดตัวมากที่สุด และที่น่าตกใจที่สุดและน่าห่วงที่สุดก็คือ ธุรกิจร้านอาหารระดับล่างที่มีการปิดหรือเจ๊งมากขึ้น จนลามขึ้นมาถึงร้านระดับกลางและที่เป็น SMEs แล้ว จะเห็นอย่างชัดเจนตามโซนต่างๆ ได้มีการติดป้ายเซ้งกันเยอะมากรวมไปถึงตามแหล่งท่องเที่ยวด้วย

ทั้งนี้ ทางชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารได้ทำเรื่องเสนอไปทางรัฐบาลมาโดยตลอดตั้งแต่ปลายปี 2567 เพราะเรามองเห็นแล้วว่าสถานการณ์จะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีนโยบายใดๆ ของรัฐบาลออกมาเพื่อพยุงเศรษฐกิจโดยรวมหรือแม้กระทั่งธุรกิจร้านอาหารเลย ปัญหาหลักที่ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารเจอ ณ เวลานี้คือกำลังซื้อของประชาชนที่หดหายไปบวกกับนักท่องเที่ยวที่หายไปโดยภาพรวม 14% โดยเป็นตลาดจีนที่หายไปทั้งหมด 35%”

“อีกปัญหาที่สำคัญคือราคาวัตถุดิบต้นทุนที่ขึ้นสูงมาก จนผู้ประกอบการหลายรายไม่สามารถไปต่อได้ จนทำให้ต้องปิดตัวไปเยอะมาก จะเห็นได้จากวงจรธุรกิจของร้านอาหารโดยปกติ 60% จะปิดตัวในหนึ่งปี แต่ว่าวันนี้วงจรของร้านอาหารสั้นลงทุกวันเนี่ย เมื่อมีร้านปิดก็จะมีร้านเปิดใหม่ โดยเฉพาะร้านอาหารระดับล่างซึ่งเป็นวงจรร้านอาหารแต่อายุของมันสั้นลงจากเดิมที่ 1 ปีจะปิดตัวหรือเจ๊ง ตอนนี้จะเหลือแค่ 6-7 เดือนก็ไม่ไหวแล้ว”

นายสรเทพ กล่าวว่า ยิ่งมาเจอปัญหาวิกฤติของต้นทุนไม่ว่าจะเป็นน้ำมันปาล์ม น้ำตาล ค่าไฟ รวมไปถึงพืชผักสวนครัว เนื้อหมู ไข่ไก่ก็ยังขึ้น ธุรกิจร้านอาหารมีห่วงโซ่ซัพพลายเชนที่ใหญ่มาก มีผลกระทบโดยกว้าง ไม่ใช่เฉพาะผู้ประกอบการอย่างเดียว วันนี้มันมีผลกระทบไปถึงแม่ค้าตลาดสดขายได้น้อยลง รวมไปถึงผลกระทบกับบุคลากรที่ทำงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านอาหาร เช่น พนักงานขนส่งมอเตอร์ไซค์ รถตุ๊กตุ๊ก ไม่มีงานวิ่งหรืองานที่น้อยลง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารเป็นห่วงมากที่สุด วันนี้ธุรกิจอุตสาหกรรมปิดตัว ปิดโรงงาน ตกงานกันเยอะแยะ เมื่อคนตกงานมากขึ้นสถานการณ์นอกจากปัญหาทางเศรษฐกิจแล้วจะกลายเป็นปัญหาทางด้านสังคมกับประเทศไทยมากขึ้น ทางร้านอาหารเองถ้ามีคนออกก็ไม่จ้างคนเพิ่ม

“ด้านการท่องเที่ยว ผมเคยพูดมาเสมอว่าไม่มีรัฐบาลชุดไหนเลยที่ทำแผนการท่องเที่ยวแบบบูรณาการ 15 ปีเพื่อให้การท่องเที่ยวบ้านเราเติบโตแบบยั่งยืน เน้นแต่มีการจัดอีเวนต์จัดคอนเสิร์ตโดยเอางบประมาณไปทำในเรื่องของฉาบฉวยซะส่วนใหญ่ ไม่มีแผนบูรณาการให้ยั่งยืน จนทุกวันนี้ก็เกิดปัญหาให้เห็นอย่างชัดเจน”