
นายแพททริก ปูเลีย รองผู้จัดการใหญ่ Head of Financial Markets Function และ Head of Private Banking Relationship Management ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดการเงินมีความท้าทายสูงจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงความไม่แน่นอนจากมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้ค่าเงินบาทผันผวนสูง โดยบางช่วงเงินบาทขึ้นลงถึง 30-40 สตางค์ (สต.) ในช่วงข้ามคืน กลุ่มงานตลาดการเงิน หรือ SCB Financial Markets จึงแนะนำให้ลูกค้าธุรกิจบริหารความเสี่ยงให้ตรงกับลักษณะของธุรกิจ หรือการลงทุนของลูกค้า เพราะที่ผ่านมา แม้ว่าบริษัทขนาดใหญ่จะทำป้องกันความเสี่ยงมากขึ้นเติบโต 5-10% ต่อปี แต่เอสเอ็มอียังป้องกันความเสี่ยงต่ำ
“ผลกระทบจากภาษีทรัมป์ แน่นอนว่าผู้ส่งออกจะต้องได้รับกระทบสูงสุด การเพิ่มเครื่องมือบริหารความเสี่ยง ทั้งการป้องกันความเสี่ยงในเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ใช้กันกว่า 90% ของการค้าโลก และที่น่าสนใจในขณะนี้ คือ การป้องกันความเสี่ยงสกุลท้องถิ่น (Local Currency) จากการขยายการค้าระหว่างประเทศเอเชียด้วยกันมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้เงินหยวนที่เพิ่มขึ้นกว่า 50% ขณะที่นักลงทุนไทยที่ไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ หรือผู้ที่ต้องเตรียมเงินตราต่างประเทศไว้ใช้ในเรื่องต่างๆ สามารถใช้บัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-FCD) ช่วยบริหารสภาพคล่องและต้นทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้”
ด้านนายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า เงินบาทในปีนี้ยังคงผันผวนสูง โดยเคยอ่อนค่าไปแตะ 35.00 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ก่อนที่จะกลับมาแข็งค่าที่ราว 32.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ เปลี่ยนแปลงถึง 7.4% ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน โดยเงินบาทที่กลับมาแข็งค่าในขณะนี้ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มโตชะลอลงในปีนี้ เป็นผลจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ เป็นหลัก
ทั้งนี้ เงินบาทจะยังเผชิญแรงกดดันด้านแข็งค่าต่อเนื่องในปีนี้ แต่หากเทียบกับสกุลอื่นในภูมิภาคการแข็งค่าของเงินบาทจะยังไม่มากเท่า เนื่องจากทั้งเงินจากคนไทย และต่างชาติที่จะเงินไหลกลับเข้าไทยจะน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้าน โดยมองกรอบเงินบาทที่ราว 31.50-32.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในสิ้นปีนี้
“หากถามว่าเงินบาทที่ 31.50 บาท เกิดขึ้นได้หรือไม่ หากเทียบกับขณะนี้เท่ากับแข็งขึ้นอีกแค่ 3% เท่านั้น แต่ยอมรับว่า หากเทียบพื้นฐานเศรษฐกิจเงินบาทที่ 31.50 บาท แข็งเกินกว่าพื้นฐาน และจะส่งผลกระทบการส่งออก โดยปิดตลาดเมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ที่ 32.63 บาทต่อดอลลาร์”
นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีนำเข้าของทรัมป์ ส่งผลกระทบต่อภาคการค้า การลงทุนและเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งส่งผลให้ความเชื่อมั่นต่อค่าเงิน เสถียรภาพและศักยภาพของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลดลง โดยค่าเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าลงกว่า 8% ตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง
ด้านเศรษฐกิจไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองยังคงเติบโตที่ 1.4% และช่วงครึ่งหลังของปี 68 ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอยทางเทคนิค อย่างไรก็ตาม หากอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ในหลายประเทศยังคงไว้ที่ระดับ 10% ตลอดทั้งปี คาดว่าการส่งออกไทยจะขยายตัวได้ที่ 0.5% และเศรษฐกิจไทยจะมีแนวโน้มเติบโตได้ 1.8%