ธอส.มั่นใจครองแชมป์สินเชื่อบ้าน เดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ตรงความต้องการลูกหนี้

นายวิทยา แสนภักดี รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานปรับโครงสร้างหนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในปี 2568 ธอส.ได้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ไว้ที่ 241,780 ล้านบาท และยังคงเชื่อมั่นว่าการปล่อยสินเชื่อจะเป็นไปตามเป้าหมาย โดยไตรมาส 1 ปีนี้ ธอส.ยังคงครองแชมป์ส่วนแบ่งสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ 42.8% ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา แต่มีผลกระทบระยะสั้น ขณะที่ยอดการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมผ่านสินเชื่อธอส.ยังเพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนยังมีความเชื่อมั่นและมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ธอส.ยังมีแนวทางดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ของธนาคารเพื่อมุ่งสู่การเป็นธนาคารเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Bank) โดยเน้นการมีที่อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพของลูกค้ากลุ่มเปราะบาง รวมถึงผู้สูงอายุรองรับสังคมผู้สูงวัย โดย ธอส.ได้พัฒนาและบริการที่รองรับสังคมสูงวัย อาทิ โครงการบ้านธอส.สร้างสุข เพื่อผู้สูงวัย อัตราดอกเบี้ยปีแรก 1.90% เฉลี่ย 3 ปีแรก 2.50% วงเงินกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลาการกู้ 40 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้น 4,600 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ที่ต้องการกู้เงินเพื่อต่อเติม ขยาย หรือซ่อมแซมบ้านตามแบบบ้านผู้สูงอายุ และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย

.สินเชื่อผู้สูงอายุรองรับสังคมสูงวัย

นอกจากนี้ ยังมีสินเชื่อ Aging Home ดอกเบี้ยคงที่ 10 ปี เท่ากับ 4.25% ต่อปี วงเงินกู้ 1 ล้านบาท กู้ยาว 52 ปี ผ่อนชำระเริ่มต้น 4,000 บาทต่อเดือน สำหรับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป โดยต้องกู้ร่วมกับบุตรที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยต้องการกู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย ซ่อมแซม ไถ่ถอนจำนองหรือรีไฟแนนซ์จากสถาบันการเงินอื่น และยังมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgage: RM) สำหรับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปแต่ไม่เกิน 80 ปี สามารถนำที่อยู่อาศัยของตนเองที่ปลอดจำนองมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ โดยไม่พิจารณารายได้ของผู้กู้ วงเงินสูงสุดต่อรายต่อหลักประกันไม่เกิน 10 ล้านบาท กรณีที่ดินพร้อมอาคาร ให้กู้ไม่เกิน 50% ของราคาประเมินที่ดินและอาคาร กรณีห้องชุดให้กู้ไม่เกิน 30% ของราคาประเมินห้องชุด ดอกเบี้ย 6.25% ตลอดอายุสัญญาระยะเวลาการให้กู้สูงสุดไม่เกิน 25 ปี

“การออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อสำหรับผู้สูงอายุนั้น เป็นไปตามสถานการณ์ของประเทศไทย ที่ก้าวเข้าสู่ผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว ซึ่งผู้สูงอายุบางคนอาจมีลูกหลานดูแล บางคนไม่มีคนดูแล จึงจำเป็นต้องวางแผนการใช้ชีวิต เพื่อมิให้เป็นภาระ โดยเฉพาะสินเชื่อ RM เพื่อให้ผู้สูงอายุมีเงินใช้จ่ายรายเดือน เมื่อเสียชีวิต หากมีลูกหลานมาไถ่ถอนก็ขายราคาตามตลาด แต่หากไม่มีธอส.ก็ต้องนำมาปรับปรุงแล้วขายทอดตลาดตามขบวนการต่อไป”

.ตั้งเป้าปีนี้ระดับหนี้เสีย5.13%

นายวิทยา กล่าวต่อว่า สำหรับหนี้เสียของธอส.นั้น ปีที่ผ่านมาสัดส่วนหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) สูง 6% แต่ทยอยปรับลดลงเรื่อยๆ ที่ระดับ 4.95% โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายเอ็นพีแอลอยู่ที่ 5.13% ซึ่งจะพยายามทำตามแผนงานที่ได้เสนอกระทรวงการคลังไว้ อย่างไรก็ตาม ยอดเอ็นพีแอล จะปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลง ตามช่วงเวลาของความจำเป็นการใช้เงินของลูกหนี้ หากช่วงใดมีความจำเป็นใช้เงินยอดเอ็นพีแอลจะสูงขึ้น เช่น เทศกาลปีใหม่ สงกรานต์ เปิดเทอม เป็นต้น แต่โดยเฉลี่ยยอดหนี้เอ็นพีแอลของธอส.ลดลงอย่างต่อเนื่อง

“ธอส.เป็นธนาคารที่ช่วยเหลือให้คนไทยมีบ้าน พยายามจะช่วยลูกหนี้ทุกทางเพื่อให้รักษาบ้านไว้ เพราะบ้านหลักแรก ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ธอส.ได้คัดบ้านที่อยู่อาศัยหลุดจำนองจริงมาขายให้ประชาชนที่ต้องการบ้านมือสองกว่า 4,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นทั้งบ้านที่หลุดจำนอง บ้านร้าง ที่ธอส.นำมาปรับปรุงเองแล้วนำมาขาย เพื่อลดปัญหาเอ็นพีแอล”

ด้านนางภานิณี มโนสันติ์ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานสินเชื่อ ธอส. กล่าวเสริมว่า ยอดหนี้เอ็นพีแอลของธอส.ถือว่ามีสัดส่วนที่ไม่สูงมาก เพราะลูกหนี้ธอส.มีบ้านเป็นหลักประกัน ทุกคนที่กู้ซื้อบ้านไม่ต้องการให้บ้านถูกยึด แต่ด้วยปัญหาทางการเงินอาจทำให้บางรายต้องผิดนัดชำระไปบ้าง ซึ่งธอส.พยายามที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้หลากหลาย ตรงความต้องการของลูกหนี้ให้มากที่สุดเพื่อรักษาบ้านไว้ เพราะบ้านคือรากฐานของสังคมที่ดี บ้านคือความอบอุ่นของครอบครัว ดังนั้น ธอส.พร้อมช่วยลูกหนี้ธอส.ให้รักษาบ้านไว้ ขอให้มาปรับโครงสร้างหนี้ ลดวงเงินการผ่อนชำระ ขยายระยะเวลาการชำระได้ตามวงเงินกู้แต่ละราย เพราะการกู้เงินแต่ละรายไม่เท่านั้น  ขณะที่รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท และผ่อนคลายเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ (LTV) ทำให้ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คึกคักขึ้น 

.ผลิตภัณฑ์สินเชื่อตอบโจทย์ลูกค้า

นางภานิณี กล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้มอบโจทย์ให้ธอส.จัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งธอส.ได้เตรียมวงเงินไว้ราว 13,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการปล่อยเชื่อใหม่ ดังนี้ 1.สินเชื่อบ้าน Premier Home หนุนผู้ที่มีกำลังซื้อบ้านราคา 7 ล้านบาทขึ้นไป โดยธอส.เตรียมกรอบวงเงินไว้ 3,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยปีแรก 1.79% ผ่อนสูงสุด 40 ปี  2.สินเชื่อช่วยลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ค้างชำระมากกว่า 1-3 เดือน เพื่อลดหนี้เสียของธอส. และช่วยภาระค่าใช้จ่ายของลูกหนี้ หากมาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับธอส. จะพิจารณาช่วยด้วยการลดดอกเบี้ยและลดเงินงวดผ่อนชำระ ซึ่งบางรายผ่อนชำระเงินงวดเพียง 1,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น เพื่อช่วยให้ลูกหนี้รักษาบ้านหลังแรกของตัวเองไว้ 

นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อซ่อม-แต่ง และสินเชื่อซ่อม-แต่ง Plus เพื่อเพิ่มเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยธอส.เตรียมกรอบวงเงินไว้ 10,000 ล้านบาท เพื่อให้ลูกหนี้ธอส.ที่มีประวัติการชำระดีสม่ำเสมอ 12 เดือน กู้เพิ่มได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาทต่อราย ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำเงินไปปรับปรุง ต่อเติม รีโนเวทบ้านใหม่ ซื้อเฟอร์นิเจอร์ ติดตั้งโซลาร์รูฟ เป็นต้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ใน 27 จังหวัดด้วย ผ่านสินเชื่อ Pre Finance Premium ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเอาใจลูกค้าที่ต้องการซื้อที่ดินก่อสร้างอาคาร เพื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนใน 27 จังหวัด 

“ทุกผลิตภัณฑ์สินเชื่อของธอส.เพื่อทำให้คนไทยมีบ้าน และรักษาบ้านหลังแรกของตัวเองไว้ หากมีปัญหาทางการเงิน ขอให้มาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับธอส.เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว โดยธอส.จะยึดมั่นตามวัตถุประสงค์ของการตั้งธนาคารมาตลอด 71 ปี คือ การทำให้คนมีบ้านเป็นของตัวเองตามควรแก่อัตภาพ”