จับตา “ภาษีการค้าทรัมป์”  เมื่อคำพิพากษาแค่ชั่วคราว ประเทศไทย โลกการค้าและการเงินจะรับมืออย่างไร?

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

จับตา “ภาษีการค้าทรัมป์” เมื่อคำพิพากษาแค่ชั่วคราว ประเทศไทย โลกการค้าและการเงินจะรับมืออย่างไร?

Date Time: 2 มิ.ย. 2568 10:21 น.

Video

เมื่อเด็ก ป.6 (11 ขวบ) สร้างรายได้ "หลักแสน" แซงหน้าคนทำงาน! l Money Secret EP.12

Summary

จับตา “ภาษีทรัมป์” ยังไม่จบง่ายๆ เมื่อคำพิพากษาของศาลพลิกกลับ การตัดสินยืดเยื้อ อาจนานถึง 2 ปี “การค้าโลก” ถึงจะรู้ชะตากรรม ความปั่นป่วนที่ประเทศไทยและตลาดเงิน ตลาดทุน ต้องยอมรับสภาพ วิจัย LH แนะรัฐบาล แสดจุดยืน สนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี

Latest


คำพิพากษาของศาลการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ (CIT) เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2025 เคยสร้างแรงกระเพื่อมเชิงบวกชั่วคราวให้กับตลาดโลก โดยสื่อถึงความหวังว่า มาตรการภาษีภายใต้ “Liberation Day Tariffs” ที่รัฐบาลสหรัฐฯ บังคับใช้อยู่ อาจหมดอำนาจตามกฎหมาย และช่วยคลี่คลายภาระด้านต้นทุนในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

แต่เพียงข้ามวัน ศาลอุทธรณ์กลางของสหรัฐฯ กลับสั่ง “ระงับการบังคับใช้” คำพิพากษานั้นอย่างไม่คาดคิด เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม เปิดช่องให้รัฐบาลยังสามารถจัดเก็บภาษีศุลกากรอัตราเดิม (10%-50%) ต่อไปได้ในระหว่างกระบวนการอุทธรณ์ ซึ่งอาจกินเวลายืดเยื้อไปถึงปี 2026 หรือ 2027

คำถามที่ตามมา คือ โลกการค้าและการเงินจะรับมืออย่างไร? ล่าสุดข้อมูลจากวิจัย LH (ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์) ชี้ว่า แม้ตลาดการเงินเคยตอบรับเชิงบวกต่อคำพิพากษาเดิมของ CIT เพราะมองว่าภาวะเงินเฟ้ออาจผ่อนคลายลงจากต้นทุนการนำเข้าที่ลดลง แต่เมื่อศาลอุทธรณ์กลับคำ ผลลัพธ์คือความไม่แน่นอนกลับมาทันที

  • นักลงทุนหันกลับไปถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย
  • ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากความเชื่อมั่นว่าอำนาจภาษียังอยู่ในมือรัฐบาล
  • ตลาดยังไม่สามารถประเมินแน่ชัดว่าทิศทางของห่วงโซ่อุปทานและราคาสินค้าจะเป็นเช่นไร

ขณะเดียวกัน ยังมีความเป็นไปได้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจเดินหน้ามาตรการภาษีรูปแบบใหม่ ผ่านช่องทางกฎหมายอื่น เช่น

  • มาตรา 122 (Trade Expansion Act) ซึ่งให้อำนาจเรียกเก็บภาษีชั่วคราวได้ภายใน 150 วัน
  • มาตรา 301 ที่ใช้สอบสวนเชิงลึกและบังคับมาตรการตอบโต้ในกรณีที่เห็นว่าประเทศใดเอาเปรียบทางการค้า

แม้การใช้มาตรา 301 จะใช้เวลานาน แต่หากเดินหน้าจริง ย่อมส่งผลกระทบลึกต่อประเทศคู่ค้าหลัก เช่น จีน เม็กซิโก เวียดนาม รวมถึงประเทศอย่างไทยที่เป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่การผลิตโลก

แล้วไทยอยู่ตรงไหนในเกมนี้?

สำหรับประเทศไทย ผลกระทบจากการชะลอคำพิพากษานี้เริ่มก่อตัวอย่างชัดเจน 

  • กลุ่มสินค้าอย่าง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และอาหารแปรรูป ที่มีบทบาทในห่วงโซ่สหรัฐฯ-จีน ยังคงเสี่ยงเผชิญอัตราภาษีนำเข้าสูง
  • ภาคธุรกิจยังไม่สามารถวางแผนผลิต ต้นทุน หรือสัญญาการค้าระยะกลางได้อย่างมั่นใจ
  • บริษัทที่เคยถูกเรียกเก็บภาษีต้องเตรียมเอกสารครบถ้วนหากในที่สุดรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องคืนภาษี

อย่างไรด็ดี รัฐบาลไทยจึงควรใช้ช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ เป็นจังหวะในการ เสนอความร่วมมือในลักษณะ sectoral deal กับสหรัฐฯ เพื่อรักษาเสถียรภาพการเข้าถึงตลาด โดยไม่ต้องรอพึ่งระบบ GSP หรือ FTA แบบเดิม

นอกจากนี้ คำพิพากษาของศาล CIT (แม้ยังไม่สิ้นสุด) ควรถูกใช้เป็น “จุดยืน” ในการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีผ่านเวทีอย่าง WTO และ APEC เพื่อคานอำนาจฝ่ายเดียวที่อาจกลับมาอย่างหนักในอนาคต

ท้ายที่สุด สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นไม่ใช่เพียงความเคลื่อนไหวทางกฎหมายในสหรัฐฯ แต่คือแรงสะเทือนที่จะสั่นคลอนโครงสร้างการค้าโลก ระบบภาษีนำเข้า และความเชื่อมั่นของนักลงทุนในระยะยาว

โลกธุรกิจ การเงิน และรัฐบาลประเทศต่างๆ จำเป็นต้องเตรียมแผนรับมือกับความไม่แน่นอนนี้อย่างรอบด้าน โดยเฉพาะในกรณีที่คำพิพากษานี้อาจถูกส่งต่อไปยัง ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ (U.S. Supreme Court) และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของภูมิทัศน์การค้าโลกในศตวรรษที่ 21

ที่มา : วิจัย LH 

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ