
สืบเนื่องจาก กรณีเพจดัง "ลุยจีน Luijeen" ผู้ติดตาม 1.4 ล้านคน โพสต์บอกเล่า ประเด็น “ชาวจีน” จำนวนไม่น้อยสามารถเปิดบัญชีธนาคารในไทยได้อย่างง่ายดาย แม้จะถือเพียงวีซ่าท่องเที่ยว
โดยใช้เพียงบัตรประชาชนจีน และ พาสปอร์ตเท่านั้น และไม่ต้องแสดงเอกสารรับรองที่อยู่ รายได้ หรือ ประวัติทางการเงินอย่างเข้มงวด ผ่านเอเจนซี่ที่เป็นพนักงานธนาคาร แอบรับจ๊อบผิดกฎหมาย
อีกทั้งเพจดังกล่าว ยังแปะภาพคลิปวิดีโอและโพสต์รีวิวที่ปรากฎในแพลตฟอร์มฝั่งจีนอย่าง Douyin (TikTok จีน), Xiaohongshu (RED/เสี่ยวหงซู), WeChat ไปจนถึงตลาดออนไลน์ชื่อดังอย่าง Taobao ซึ่งมีบริการ “เปิดบัญชีธนาคารไทยสำหรับชาวจีน” วางขายอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
โดยโฆษณาว่าสามารถเปิดบัญชีได้ใน 3 ชั่วโมง 6 ชั่วโมง หรือภายใน 1 วัน ด้วยเงื่อนไขสุดแสนจะง่าย เพียงถือพาสปอร์ต ไม่จำกัดวีซ่า ไม่มีการตรวจสอบประวัติ และไม่กำหนดยอดเงินขั้นต่ำในการเปิดบัญชี ทั้งหมดทั้งมวลนี้อยู่ใน คีย์เวิร์ด 泰国银行开户(เปิดบัญชีธนาคารไทย)
ซึ่งทั้งหมดอาจขัดกับข้อบังคับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ควรมีมาตรการตรวจสอบอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในช่วงที่ไทยมีประเด็นความกังวลเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติและทุนสีเทา และ “บัญชีม้า”
ล่าสุด มีรายงานชี้แจงออกมาจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยระบุเกี่ยวโยงกับโพสต์ดังกล่าว และจากกรณีที่ พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ได้แถลงข่าวกรณีพนักงานธนาคารสนับสนุนการเปิดบัญชีที่ใช้ในการกระทำผิดของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ และสามารถขยายผลไปยังผู้ร่วมขบวนการรายอื่นได้อีกหลายราย เมื่อวันพุธที่ 21 พฤษภาคม 2568 นั้น
“ดารณี แซ่จู” ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธปท. ได้สั่งการให้ธนาคารดังกล่าวเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและชี้แจงรายละเอียดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
เนื่องจากเดิมที กรณีชาวต่างชาติมีความประสงค์จะเปิดบัญชีในประเทศไทย ธปท. กำหนดให้ธนาคารต้องมีกระบวนการพิจารณาเอกสารการระบุตัวตนและพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าอย่างรัดกุม ซึ่งหากไม่เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ธนาคารต้องแก้ไขในทันที
นอกจากนี้ หากพบว่าพนักงานของธนาคารมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดดังกล่าว ธนาคารต้องลงโทษขั้นเด็ดขาด ทั้งนี้ ธปท. และสำนักงาน ปปง. อยู่ระหว่างร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกทางหนึ่ง หากพบการดำเนินการที่ขัดกับข้อกฎหมายหรือหลักเกณฑ์ของ ธปท. ทางการจะดำเนินการทางกฎหมายกับธนาคารต่อไป
ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อประชาชนที่อาจตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมทางการเงิน ธปท. อยู่ระหว่างออกหลักเกณฑ์การบริหารจัดการภัยทุจริตดิจิทัล (Digital Fraud Management) ซึ่งครอบคลุมการยกระดับกระบวนการรู้จักลูกค้า (Know Your Customer: KYC) และการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (Customer Due Diligence: CDD)
โดยกำหนดให้ธนาคารตรวจสอบข้อมูลลูกค้าที่มาขอเปิดบัญชีจากฐานข้อมูลอื่นนอกเหนือจากเอกสารแสดงตัวตนที่ลูกค้านำมาให้ เช่น ต้องตรวจสอบชื่อกับฐานข้อมูลบัญชีม้าของสำนักงาน ปปง. และต้องประเมินความเสี่ยงที่ลูกค้าจะนำไปใช้บัญชีไปใช้เป็นบัญชีม้า รวมถึงต้องจัดกลุ่มลูกค้าตามระดับความเสี่ยง (customer profiling) และใช้มาตรการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมกับกลุ่ม
เช่น จำกัดวงเงินการทำธุรกรรมต่อวันให้เหมาะสม ลดเพดานวงเงินที่ต้องใช้การสแกนใบหน้าสำหรับบัญชีใหม่ เป็นต้น โดยการปรับปรุงหลักเกณฑ์คาดว่าจะบังคับใช้ในเดือนมิถุนายนนี้
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney