
วานนี้ (7 พ.ค. 2568) คณะรัฐมนตรีประชุมลับ พร้อมอนุมัติ กรณีกรมสรรพสามิตขอขึ้นภาษีน้ำมันทั้งดีเซลและเบนซินอีก 1 บาทต่อลิตร โดยให้มีผลทันที
จากเหตุผล ที่ระบุว่า เป็นการทยอยปรับตาม แนวโน้มราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับลดลง และ เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลเพื่อเพิ่มรายได้เข้ารัฐ คาดการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลได้รายได้เพิ่มเดือนละ 2,900 ล้านบาท หรือ 34,800 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ตาม แต่สิ่งที่ทำให้คนสงสัย คือ ทำไมรัฐบาลถึงบอกว่า การปรับขึ้นภาษีน้ำมันครั้งนี้ จะไม่กระทบต่อ “ราคาขายปลีก”
หลายคนอาจเริ่มตั้งคำถามว่า ตกลงแล้วราคาน้ำมันที่เราจ่ายอยู่หน้าแผงปั๊มนั้น มันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง และใครได้อะไรจากเงิน 1 ลิตรที่เราจ่ายไปทุกครั้งที่เติม?
Thairath Money ชวนมาทำความเข้าใจ เกี่ยวกับ “โครงสร้างราคาน้ำมัน 1 ลิตรในไทย” กันให้ชัดเจนอีกครั้ง
ข้อมูลจากกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ราคาขายน้ำมัน 1 ลิตร ประกอบไปด้วย ค่าใช้จ่ายต่างๆ ดังนี้
1. ต้นทุนราคาน้ำมันดิบ
เป็นต้นทุนหลักที่โรงกลั่นต้องจ่ายตามราคาตลาดโลก เช่น น้ำมันดิบดูไบ (Dubai) น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) และน้ำมันดิบดับบลิวทีไอ (WTI) ซึ่งผันผวนตามสถานการณ์โลก เช่น สงคราม การเมือง หรือการผลิตของโอเปก
2. ค่าการกลั่น (Refinery Margin)
คือ ค่าดำเนินงานของโรงกลั่นในการแปรรูปน้ำมันดิบให้เป็นน้ำมันสำเร็จรูป พร้อมคุณสมบัติตามมาตรฐาน เช่น แก๊สโซฮอล์ 95, ดีเซล B7 ฯลฯ (ค่าการกลั่นของไทยจะอ้างอิงตามตลาดสิงคโปร์)
3. ค่าการตลาด
เป็นส่วนที่ปั๊มน้ำมันหรือผู้ค้านำไปใช้บริหารจัดการ เช่น ค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าโลจิสติกส์ ค่าไฟ ค่าเช่าสถานที่ รวมถึงกำไรของผู้ค้า
4. ภาษีสรรพสามิต
ภาษีที่เก็บจากน้ำมันเพื่อเป็นรายได้ให้รัฐ โดยคิดในอัตราที่ต่างกันไปตามชนิดน้ำมัน และ สามารถปรับขึ้น-ลงได้ตามนโยบายรัฐบาล เช่น จากการปรับขึ้นภาษีล่าสุด จะทำให้ น้ำมันเบนซิน 95 จากเดิมเก็บภาษีสรรพสามิต 6.50 บาทต่อลิตร จะมีอัตราใหม่ อยู่ที่ 7.50 บาทต่อลิตร หลังจากเพิ่มขึ้นอีก 1 บาทต่อลิตร
5. เงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
เป็นกองทุนกลางของรัฐที่ใช้บริหารจัดการราคาน้ำมัน เช่น การอุดหนุนดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร หรือช่วยรักษาเสถียรภาพเมื่อราคาตลาดผันผวน ซึ่งเป็นการจัดเก็บตามประกาศคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.)
ขณะฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 พบว่าติดลบอยู่ที่ 47,779 ล้านบาท แบ่งเป็น
6. เงินเข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงาน
เงินกองนี้นำไปส่งเสริมพลังงานสะอาด เช่น สนับสนุนรถ EV การติดตั้งโซลาร์เซลล์ ฯลฯ
7. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
คิด 7% จากราคาขายปลีกทั้งหมด
เพราะรัฐบาลระบุว่า การปรับขึ้นภาษีน้ำมันดังกล่าว มีการใช้เงินในกองทุนน้ำมันฯ มาชดเชย ภาษีที่ขึ้น 1 บาทนี้ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ราคาที่ประชาชนจ่าย ณ ปั๊มน้ำมันเปลี่ยนแปลงทันที
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นมาตรการแค่ชั่วคราว นั่นหมายถึงในอนาคตอาจมีการทยอยปรับในระยะถัดไป ล่าสุด “พรชัย จิรกุลไพศาล” ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เผยว่า ขณะนี้ กำลัง วิเคราะห์และประเมินผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตครั้งนี้
แต่คาดว่า กองทุนน้ำมันฯ ยังสามารถปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อรองรับการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ประเภทน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลได้จนถึง ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ.2568
ที่มา : กระทรวงพลังงาน ,กรมสรรพสามิต ,ทำเนียบรัฐบาล
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney