ปลัดพาณิชย์ แจงไทม์ไลน์สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า ชี้เหล็ก-อลูมิเนียม-รถยนต์และชิ้นส่วน เก็บ 25%

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ปลัดพาณิชย์ แจงไทม์ไลน์สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า ชี้เหล็ก-อลูมิเนียม-รถยนต์และชิ้นส่วน เก็บ 25%

Date Time: 6 เม.ย. 2568 16:37 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ แจงคืนนี้ สหรัฐฯ เริ่มเก็บภาษีเพิ่ม 10% จากสินค้านำเข้าจากทุกประเทศ ยกเว้นสินค้าที่ลงเรือหรือพาหนะแล้วหรืออยู่ระหว่างเดินทางไปยังสหรัฐฯ ก่อนเวลา ส่วนการเก็บภาษีศุลกากรต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) ที่ไทยโดน 36% จะเริ่มตั้งแต่เวลา 00:01 น. ของวันที่ 9 เมษายน 2568 (ตามเวลาสหรัฐฯ) ชี้สินค้าเหล็ก-อลูมิเนียม-รถยนต์และชิ้นส่วน มีอัตราภาษีเฉพาะที่ 25%

Latest


วุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา เผยข้อมูลภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) กับสินค้านำเข้าจากประเทศคู่ค้า เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ โดยอัตราภาษีดังกล่าวคำนวณโดยนำตัวเลขการขาดดุลและมูลค่าการนำเข้าทางการค้าของสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้ามาคำนวณ ซึ่งในส่วนของไทยคำนวณออกมาแล้วมีอัตราภาษี 36%

โดยในช่วงแรก สหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีเพิ่มตั้งแต่เวลา 00:01 น. ของวันที่ 5 เมษายน 2568 (เวลาสหรัฐฯ) ในอัตรา 10% กับสินค้านำเข้าทั้งหมดจากทุกประเทศ ส่วนสินค้าที่ขนลงเรือหรือยานพาหนะแล้วและอยู่ระหว่างเดินทางมายังสหรัฐฯ ก่อนเวลาดังกล่าว จะยังไม่ถูกเก็บภาษีดังกล่าว ก่อนเวลา 00:01 ของวันที่ 27 พฤษภาคม 2568

ทั้งนี้ ภาษี 10% จะเป็นการเก็บเพิ่มจากอัตราภาษีที่เรียกเก็บอยู่แล้ว (MFN applied rate) รวมทั้งอากร ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่แต่ละประเทศถูกจัดเก็บอยู่เดิม

สินค้าเหล็ก-อลูมิเนียม-รถยนต์และชิ้นส่วน มีอัตราภาษีเฉพาะที่ 25%

หลังจากนั้น ในช่วงที่สอง ตั้งแต่เวลา 00:01 น. ของวันที่ 9 เมษายน 2568 สหรัฐฯ ก็จะเริ่มเก็บภาษีศุลกากรต่างตอบแทน (Reciprocal Tariff) ตามอัตราเฉพาะที่กำหนดสำหรับแต่ละประเทศ ซึ่งประเทศไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรา 36% โดยจะเก็บเพิ่มจากอัตราภาษีที่เรียกเก็บอยู่แล้ว (MFN applied rate) รวมทั้งอากร ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ประเทศนั้นถูกจัดเก็บอยู่เดิม อย่างไรก็ดี สำหรับสินค้าที่ขนลงเรือหรือยานพาหนะแล้วและอยู่ระหว่างเดินทางมายังสหรัฐฯ ก่อนเวลาดังกล่าว ก็จะยังได้รับยกเว้นไม่ถูกเก็บภาษี 36% ดังกล่าว

สำหรับอัตราภาษีต่างตอบแทนข้างต้นจะไม่ใช้กับสินค้าที่สหรัฐฯ ได้เคยประกาศใช้มาตรการไปก่อนหน้านี้ คือ วันที่ 12 มีนาคม 2568 ได้แก่ สินค้าเหล็กและอลูมิเนียม ถูกจัดเก็บอัตราภาษีเฉพาะที่ 25% และวันที่ 3 เมษายน 2568 สินค้ารถยนต์และชิ้นส่วน ถูกจัดเก็บอัตราภาษีเฉพาะที่ 25%

นอกจากนี้ ภาษีต่างตอบแทนดังกล่าว ยังจะไม่ใช้กับสินค้าประเภททองแดง ยาและเวชภัณฑ์ เซมิคอนดักเตอร์ ไม้แปรรูป แร่ธาตุสำคัญบางประเภท พลังงานและผลิตภัณฑ์พลังงาน เนื่องจากสหรัฐฯ อาจจะมีการประกาศใช้ภาษีเฉพาะกับสินค้าดังกล่าวในภายหลัง ซึ่งคาดว่าจะเก็บเพิ่มในอัตรา 25% ซึ่งยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

อย่างไรก็ดี แม้ว่าคำสั่งบริหารนี้จะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรแบบต่างตอบแทนเป็นรายประเทศ แต่ก็เปิดโอกาสสำหรับการเจรจากับประเทศคู่ค้าเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการค้าให้มีความเท่าเทียมและเป็นธรรมมากขึ้น โดยสหรัฐฯ มุ่งหวังที่จะลดการขาดดุลการค้าและเสริมสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศผ่านการเจรจาและการปรับปรุงข้อตกลงทางการค้า ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาข้อเสนอของคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ เพื่อนำไปสู่การเจรจาปรับลด/ยกเว้นอัตราภาษีต่างตอบแทนดังกล่าวที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากประเทศไทย

นอกจากนี้ รัฐบาลยังอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก รวมทั้งเร่งพิจารณาส่งเสริมการขยายตลาดใหม่ทดแทนโดยมุ่งตลาดที่มีกำลังซื้อสูง ตลาดฮาลาล และตลาดเกิดใหม่ พร้อมเร่งเดินหน้าการเจรจา FTA ที่อยู่ระหว่างการเจรจาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และพิจารณา FTA ในตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพควบคู่กันไป ทั้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา และแอฟริกา

เปิดชื่อคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐฯ 

นอกจากนี้ รายงานจากทำเนียบรัฐบาล ระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งแต่งตั้ง "คณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา" ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 ประกอบด้วย

  1. พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี
  2. ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี
  3. วุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์
  4. นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
  5. ฉันทานน์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
  6. โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
  7. ใจไทย อุปการนิติเกษตร รองอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้
  8. ขวัญนภา ผิวนิล นักวิชาการพาณิชย์เชี่ยวชาญ
  9. โอม บัวเขียว คณะทำงานประธานที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ