
“ ขยายตัวต่ำจากแรงกดดันสงครามการค้า ท่ามกลาง แผลเป็นเศรษฐกิจที่โควิด-19 ทิ้งไว้ “
คือ ภาวะน่าห่วงของประเทศไทย ณ เวลานี้ จากรายงานล่าสุดของ SCB EIC ที่ประเมินว่า GDP ไทย ปี 2025 อาจเติบโตต่ำแค่ 2.4% เท่านั้น แม้ยังมีแรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยว และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จากการ “แจกเงิน” เข้ามาก็ตาม เพราะในรายละเอียด ระบุว่า ปัจจัยกดดันมีมากกว่า ได้แก่
ทั้งนี้ ยังพบว่า “เศรษฐกิจไทย” ฟื้นตัวช้าหลังโควิด-19 รั้งท้ายติดอันดับโลก เป็นอันดับ 72 จาก 81 ประเทศ ที่มีรายงานข้อมูล โดย SCB EIC ยังชี้ว่า ช่วงปี 2020-2024 โอกาสทางเศรษฐกิจไทยได้หายไปราว 6 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่ามากขนาด 1 ใน 3 ของมูลค่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน และได้ใช้เวลากว่า 4 ปี ในการฟื้นกลับไประดับก่อนโควิด
ผลจากแผลเป็นโควิดและปัญหาเชิงโครงสร้างที่ยังไม่ได้แก้ไข ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยจะยังมีแนวโนเมเติบโตต่ำในระยะข้างหน้า
> ภาคธุรกิจ : สัดส่วนจำนวนบริษัทผีดิบ ไม่มีความสามารถในการทำกำไร (Zombie firm) ในไทยอยู่ที่ 5.8% ในปี2023 ส่วนใหญ่กระจุกตัวในบริษัทขนาดกลางและเล็ก แม้สัดส่วนลดลงจาก 7.4% ในปี 2021 แต่ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนโควิดที่ 5.6% (ช่วงปี 2015-2019)
> ตลาดแรงงาน : แรงงานไทยหันไปทำงานนอกระบบเพิ่มขึ้นและสัดส่วนมากกว่าในระบบ สัดส่วนราว 53% ของผู้มีงานทำทั้งหมด ณ ปี2024 มีรายได้เฉลี่ยราว 8,500 บาท/เดือน ต่ำกว่าแรงงานในระบบเกือบเท่าตัว
> ภาคครัวเรือน : หนี้ครัวเรือนสูงเกือบ 90% ต่อ GDP และแนวโน้มการเข้าถึงสินเชื่อรายย่อยยังเป็นไปได้ยาก
>ภาคการคลัง : Fiscal space ในระยะปานกลางเหลือน้อยลง หลังกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ ในช่วงโควิด แนวโน้มหนี้สาธารณะต่อ GDP เพิ่มขึ้นมากจาก 41% ในปี2019 และอาจแตะเพดานหนี้ 70% ภายในปี 2029
พร้อมคาดการณ์ว่า แม้การบริโภคภาคเอกชนในระยะข้างหน้าจะมีปัจจัยบวกจากโครงการเงินโอน 10,000 บาท เฟสที่เหลือ แต่ยังต้องติดตามผล เพราะการกระตุ้นขึ้นอยู่กับ เงื่อนไขการใช้เงินให้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ขณะที่แนวโน้มความต้องการสินเชื่อที่ลดลงยังกดดันการบริโภคภาคเอกชนอีกด้วย
ที่มา : SCB EIC
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney