
“เศรษฐกิจดี อสังหาฯก็ดี แต่เมื่อไหร่ เศรษฐกิจแย่ อสังหาฯ ก็แย่ไปด้วย"
คำกล่าวนี้ดูเหมือนจะไม่เกินจริง เมื่อพิจารณาจากรายงานผลประกอบการประจำปี 2567 ของเหล่าบรรดาผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งสิ้น 38 บริษัท ซึ่งพบว่า ทั้งในฝั่งรายได้ และ กำไรสุทธิ ลดลงทั้งคู่
หลังจากช่วงปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวไม่ดีอย่างที่คิด สะเทือนความมั่นคงทางการงาน การเงิน และ รายได้คนไทยไม่สามารถ ซื้อบ้านหรือ คอนโดมิเนียม ได้คล่องตัว
ประกอบกับ เป็นไทม์ไลน์ที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยค่อนข้างซึม แต่ละบริษัทต่างมียอดขายที่ลดลง และต้องใช้แคมเปญทางการตลาด ลด แลก แจก แถม เข้ามาช่วย เพื่อให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์ สร้างรายได้ตามมา ซึ่งนั่นก็ทำให้ ในส่วนของกำไร ลดลงตามไปด้วย
ข้อมูลจาก บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด เผยว่า ปี 2567 รายได้รวมของธุรกิจอสังหาฯไทย ลดลง 4% จาก 326,722 ล้านบาท มาอยู่ที่ 313,634 ล้านบาท ขณะกำไรลดลงมากกว่า 27% อยู่ที่ 27,426 ล้านบาท
สอดคล้องกับการคำกล่าว ของนักพัฒนารายใหญ่ระดับตำนาน ที่ปรากฎตัวต่อสื่อมวลชนในรอบหลายปี “ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ” แห่ง พฤกษา ที่ยอมรับว่า ธุรกิจอสังหาฯท้าทาย เพราะขนาดของตลาดเล็กลง จากในอดีต มีมูลค่ายอดขายรวมของอุตสาหกรรมสูงราว 500,000 ล้านบาท ปัจจุบันเหลือแค่ 350,000 ล้านบาท ขณะในระยะข้างหน้า อาจเหลือต่ำกว่า 300,000 ล้านบาท ด้วยซ้ำ
ส่งผล สินค้าคงเหลือ หรือ สต็อกรอขาย บวกกับสินค้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนาของบริษัทอสังหาฯ ทั้ง 38 บริษัท ปี 2567 มีรวมกันอยู่ที่มากกว่า 716,560 ล้านบาท
ด้านกูรูอสังหาฯ “สุรเชษฐ กองชีพ” หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย เผยว่า จากปัจจัยลบรอบด้าน ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย รวมไปถึงปัญหาของการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ค่อนข้างลำบาก เพราะสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติวงเงินสินเชื่อ ส่งผลให้การโอนกรรมสิทธิ์ในปี 2567 ลดลง ทั้งในส่วนของจำนวนและมูลค่ารวม
อย่างไรก็ดี พบว่า ผู้พัฒนาฯ ส่วนใหญ่พยายามหาช่องทางในการสร้างรายได้ ผ่านการแข่งขัน ดึงดูดให้ผู้ซื้อจองและโอนกรรมสิทธิ์ ทำให้ผลประกอบการ ของบางบริษัท โดยเฉพาะ เบอร์ต้นของอุตสาหกรรม มีรายได้ เพิ่มขึ้น หรือลดลงจากปีก่อนหน้านี้ไม่มาก ดังนี้
“สุรเชษฐ กองชีพ” ยังกล่าววว่า ด้วยแรงกดันในตลาดที่อยู่อาศัยยังคงมีต่อเนื่องในปีนี้ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงเหลือ 2% แล้วก็ตาม แต่มาตรการช่วยเหลือหรือมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯจากรัฐบาลยังไม่มีความเคลื่อนไหว
รวมไปถึงการที่ผู้ประกอบการทุกรายพยายามกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนปรนเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อ การผ่อนปรนเกณฑ์ LTV ชั่วคราวเพื่อให้กำลังซื้อส่วนหนึ่งกลับเข้ามาในตลาด แต่ดูเหมือนจะยังไม่ได้รับการตอบรับจากหน่วยงานภาครัฐ หากเป็นแบบนี้เชื่อว่าปี 2568 จะยังเป็นอีกปีที่ตลาดที่อยู่อาศัยต้องเผชิญกับความท้าทายต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
ที่มา : แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ , คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ประเทศไทย ,ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney