
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพผ่าน X ชื่อ @IngShin ระบุว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้รายงานความคืบหน้าการหารือของกระทรวงการคลัง สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยแบ่งแผนงาน ดังนี้ แผนงานระยะสั้น-กลาง อาทิ 1.เร่งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ กองทุนต่างๆ ซึ่งมีเงินค้างอยู่กว่า 100,000 ล้านบาท 2.เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ และผันเม็ดเงินไปสนับสนุนการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ
3.เร่งการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะการลงทุนผ่านสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งปี 67 มีการยื่นขอสนับสนุนราว 1.14 ล้านล้านบาท โดยจะอำนวยความสะดวกเรื่อง Ease of Doing Business โดยเฉพาะเรื่องใบอนุญาตต่างๆ 4.เร่งปิดดีลการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ระบบน้ำ เพื่อสอดรับกับความต้องการทั้งด้านเกษตร อุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภค รวมถึงแลนด์บริดจ์ รถไฟเชื่อมต่อกับจีน ขยายสนามบิน และท่าเรือ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งตามนโยบาย Ignite Thailand 5.กระตุ้นการส่งออก เช่น การเปิดตลาดใหม่ เร่งเจรจากับประเทศคู่ค้า ลดคอขวดด้านพิธีการส่งออก โดยขอให้ดูแลเรื่องราคาสินค้าเกษตรด้วย 6.ด้านการท่องเที่ยว เน้นจัดงาน/เทศกาลเพิ่มใช้จ่ายต่อหัว และทำให้นักท่องเที่ยวอยู่ไทยนานขึ้น
ส่วนแผนระยะกลาง-ยาว เน้นการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 1.เริ่มปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมแบบ Sandbox โดยยึดความต้องการของตลาดโลกที่เปลี่ยนไป และการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้อุตสาหกรรมเดิม 2.ปรับโครงสร้างด้านราคาพลังงาน และการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน เช่น นโยบาย Direct PPA (การรับซื้อไฟโดยตรงระหว่างผู้ผลิตและผู้ซื้อ) และ UGT (ราคาของไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานสีเขียว) เพื่อตอบโจทย์มาตรฐานการค้าการลงทุนปัจจุบัน
3.เร่งปฏิรูปด้านเกษตรแบบ Sandbox โดยใช้ตลาดนำ เริ่มจากสินค้าเกษตรหลัก ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และอ้อย เน้นเรื่องความสมดุลอุปสงค์-อุปทาน พัฒนาปัจจัยทุน ได้แก่ ดิน เมล็ดพันธุ์ น้ำ และเพิ่มผลิตภาพ ทั้งหมดนี้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร “โอกาสต่อไปคณะทำงานจะหารือเพิ่มกับภาคเอกชน ผ่านคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และจัดทำเป็นแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน 2 สัปดาห์”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ 3.5%
ขณะที่ น.ส.พิมพ์นารา หิรัญกสิ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (จำกัด) มหาชน กล่าวว่า ปีนี้ หวังว่าเศรษฐกิจไทยจะโต 2.7% สำหรับนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ จะทำให้มีการย้ายฐานลงทุนมาไทย คาดการลงทุนในไทยจะเพิ่มขึ้นอีก 0.93-2.09% การส่งออกเพิ่มขึ้นอีก 0.27-0.45% และทั้งปีส่งออกโตได้ 2.7% แต่กังวลการบริโภคเอกชนที่ชะลอลงคาดปี 68 ขยายตัว 2.8% ต่ำกว่า 4.4% ในปี 67 เพราะรายได้ของแรงงานยังฟื้นตัวช้า มูลค่าสินทรัพย์ของครัวเรือนกลุ่มรายได้ปานกลางและล่างลดลง รายได้เกษตรกรชะลอลง.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่