กนง. 6 ต่อ 1 ลดดอกเบี้ย 0.25% ยันการเมืองไม่แทรก ชี้เหตุเศรษฐกิจไทยดิ่งหนัก

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

กนง. 6 ต่อ 1 ลดดอกเบี้ย 0.25% ยันการเมืองไม่แทรก ชี้เหตุเศรษฐกิจไทยดิ่งหนัก

Date Time: 27 ก.พ. 2568 10:05 น.

Summary

กนง.เซอร์ไพรส์ตลาด ลดดอกเบี้ยลง 0.25% รับเศรษฐกิจไทยชะลอกว่าที่คิด ปรับลดประมาณการขยายตัวปีนี้ลงจาก 2.9% เหลือมากกว่า 2.5% เล็กน้อย มาตรการกระตุ้นรัฐเอาไม่อยู่ สงครามการค้าต่างประเทศจ่อป่วน ไม่กังวลเงินเฟ้อต่ำ

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

กนง.เซอร์ไพรส์ตลาด ลดดอกเบี้ยลง 0.25% รับเศรษฐกิจไทยชะลอกว่าที่คิด ปรับลดประมาณการขยายตัวปีนี้ลงจาก 2.9% เหลือมากกว่า 2.5% เล็กน้อย มาตรการกระตุ้นรัฐเอาไม่อยู่ สงครามการค้าต่างประเทศจ่อป่วน ไม่กังวลเงินเฟ้อต่ำ ช่วยคนไทยลดภาระค่าครองชีพ ยืนยันรับความเห็นจากทุกฝ่าย แต่ยังไม่ได้รับจดหมายจาก ครม.

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง.วันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา โดย กนง.มีมติ 6 ต่อ 1 เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% จาก 2.25% เป็น 2.00% ต่อปี โดยให้มีผลทันที ทั้งนี้ คณะกรรมการ 1 เสียง เห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากให้น้ำหนักกับการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินเพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่สูงขึ้นในระยะข้างหน้า

กนง.อึ้ง! เศรษฐกิจไทยปี 68 ดิ่งแรง

“ในการประชุมครั้งนี้ เหตุผลหลักในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เนื่องจาก กนง.ให้น้ำหนักความเสี่ยงด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เพราะหลังจากประเมินภาพของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 เศรษฐกิจทั้งปี 67 และเศรษฐกิจเบื้องต้นในปีนี้ ซึ่ง ธปท.ได้หารือกับผู้ประกอบการในหลายๆอาชีพ พบว่าเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก โดยเฉพาะในภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่ถูกกดดันจากปัญหาเชิงโครงสร้างและการแข่งขันจากสินค้าต่างประเทศที่รุนแรงมากขึ้น รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงขึ้นจากนโยบายการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลักที่จะเข้ามากระทบในอนาคต”

นายสักกะภพกล่าวต่อว่า ในเบื้องต้น กนง.ได้มีการปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จากเดิมที่เคยประมาณการไว้ในครั้งก่อนหน้าว่าจะเติบโตที่ 2.9% ลดลงโดยคาดว่าจะโตเหนือกว่า 2.5% เล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ลดลงกว่าที่คาดไว้ ซึ่งการประมาณการเศรษฐกิจที่ 2.5% นี้ได้รวมผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต และอีซี่ อี-รีซีท ฯลฯ ไปแล้ว ซึ่งมาตรการของรัฐบาลก็มีส่วนช่วยเพิ่มกำลังซื้อได้ในระดับหนึ่ง และได้รวมผลกระทบจากมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในส่วนที่ประกาศแล้ว เช่น การขึ้นภาษีนำเข้าจีน 10% แต่ยังไม่รวมมาตรการทางภาษีอื่นๆที่ยังไม่ประกาศออกมา ทั้งนี้ กนง.เห็นควรให้ติดตามภาคการผลิตที่อาจถูกกดดันต่อเนื่อง โดยเฉพาะ SMEs ที่เผชิญปัญหาความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงผลกระทบจากนโยบายการค้าของประเทศต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทย

ยังไม่ได้รับหนังสือ ครม.ขอให้ลดดอกเบี้ย

ต่อข้อถามที่ว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ เป็นผลมาจากแรงกดดันทางการเมืองหรือไม่ นายสักกะภพกล่าวว่า ในการตัดสินใจนโยบายการเงิน ธปท.รับข้อมูลจากทุกฝ่าย ทั้งการหารือกับภาคธุรกิจ เสียงจากการเมือง และภาคประชาชน นำมาประกอบการพิจารณาทั้งหมด โดยนำมาพิจารณาร่วมกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมา และมุมมองในระยะข้างหน้า ซึ่งตัวเลขของเศรษฐกิจในครั้งนี้เห็นได้ชัดถึงการขยายตัวที่ลดลงของภาคการผลิต รวมทั้งเห็นปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในระยะข้างหน้า ทำให้ตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรองรับความเสี่ยงในระยะต่อไปไว้ระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งนี้ ไม่ได้หมายความ ว่าดอกเบี้ยไทยเข้าสู่ขาลงแล้ว แต่จะพิจารณาตามปัจจัย และเครื่องชี้ต่างๆที่เข้ามา หากจำเป็นต้องลดอีกก็สามารถปรับเปลี่ยนได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า กนง.ได้นำหนังสือของคณะรัฐมนตรีที่ส่งมาแสดงความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าเป้าหมาย และนำเข้าไปพิจารณาใน กนง.ด้วยหรือไม่ นายสักกะภพกล่าวว่า “กนง.ยังไม่ได้รับหนังสือที่ ครม.จะส่งมาอย่างเป็นทางการ เพียงแต่รับทราบจากสื่อเท่านั้น”

นายสักกะภพยังกล่าวถึง ทิศทางอัตราเงินเฟ้อด้วยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มต่ำกว่าที่คาด โดยทรงตัวใกล้เคียงขอบล่างของกรอบเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม ธปท.ไม่ได้เป็นห่วงอัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับดังกล่าว เพราะไม่ได้มีสัญญาณนำไปสู่ภาวะเงินฝืดหรือภาวะที่เงินเฟ้อติดลบต่อเนื่อง และยังมีส่วนช่วยบรรเทาค่าครองชีพและต้นทุนของผู้ประกอบการ และบรรเทาค่าครองชีพที่สูงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาของประชาชนได้ด้วย

ธปท.หวังดอกเบี้ยลดช่วยลดภาระคนไทย

ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท.กล่าวด้วยว่า กนง.ประเมินว่า ภาวะการเงินยังตึงตัว แม้การขยายตัวของสินเชื่อและคุณภาพของสินเชื่อในภาพรวมเริ่มมีสัญญาณทรงตัวบ้าง แต่สินเชื่อ SMEs โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่เผชิญปัญหาเชิงโครงสร้างยังหดตัวต่อเนื่อง สินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนใหญ่ปรับลดลง ส่วนหนึ่งจากครัวเรือนที่รายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และมีภาระหนี้สูง กนง.เห็นว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ช่วยลดความตึงตัวของภาวะการเงิน โดยไม่กระทบต่อความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาว และจะช่วยประชาชนลดภาระค่าครองชีพลงได้บ้าง ลดภาระการผ่อนส่งหนี้ ซึ่งดีต่อคุณภาพหนี้ในระยะต่อไป และช่วยเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

โดยคาดว่าการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายจะส่งต่อไปยังการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ และต้องติดตามมาตรการแก้หนี้ “คุณสู้ เราช่วย” ว่าจะสามารถช่วยดูแลปรับโครงสร้างหนี้ได้มากหรือน้อยอย่างไร ทั้งนี้ กนง.ให้ติดตามแนวโน้มการขยายตัวและคุณภาพสินเชื่อของกลุ่มเปราะบาง ที่จะมีผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ติดตามพัฒนาการในตลาดการเงินโลกและการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ