
อ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ เปิดผลวิจัยอาหารและเครื่องดื่มระดับพรีเมียม มีผลต่อการดึงนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักเข้าเมืองไทย สมาพันธ์สุราและไวน์ฯชี้ประเด็นที่รัฐจะยกเลิกข้อห้ามขายแอลกอฮอล์เวลา 14.00-17.00 น. และวันพระใหญ่ จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้น 5 หมื่นล้าน-1 แสนล้านบาท
นายเจมส์ แลมเบิร์ท ผู้อำนวยการที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย Oxford Econo mics เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวคุณภาพสูงเป็นพลังสำคัญที่เพิ่มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของภาคท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ดังนั้น เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากโอกาสนี้ ประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทยจำเป็นต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับสิ่งที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ต่อการตัดสินใจเลือกจุดหมายการเดินทาง
ทั้งนี้ จากรายงานฉบับล่าสุด เรื่อง การส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพสูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ : อิทธิพลของประสบการณ์ด้านอาหารและเครื่องดื่มแบบพรีเมียมที่มีผลต่อการเลือกจุดหมายปลายทาง (Capturing High Quality Tourism for Southeast Asia: The Impact of Premium F&B Experiences on Destination Choice) ที่จัดทำภายใต้ความร่วมมือระหว่าง Oxford Economics และสมาพันธ์สุราและไวน์นานาชาติแห่งเอเชียแปซิฟิก (Asia Pacific International Spirits & Wines Alliance) หรือ APISWA ระบุว่า ตัวเลือกอาหารและเครื่องดื่ม (F&B) ระดับพรีเมียมมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง และช่วยเพิ่มการใช้จ่ายโดยรวมของนักท่องเที่ยว
โดยมีข้อมูลเชิงลึก 5 ข้อ คือ 1.จำนวน 71% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าประสบการณ์ด้าน F&B เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกจุดหมายปลายทาง มากกว่าสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติ ศาสตร์หรือวัฒนธรรม และการช็อปปิ้ง โดย 75% ของนักท่องเที่ยวกลุ่มรายได้สูงให้ความสำคัญกับปัจจัยนี้ 2.นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มเลือกจุดหมายปลายทางที่นำเสนอประสบการณ์ F&B คุณภาพสูง มากกว่าจุดหมายปลายทางที่มีตัวเลือกจำกัดถึง 2.5 เท่า
3.นักท่องเที่ยวพร้อมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 250 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อคนต่อวัน สำหรับ F&B ระดับพรีเมียมที่มาพร้อมบริการที่ดีเยี่ยม โดยแนวโน้มนี้ครอบคลุมนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มรายได้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวตระหนักถึงคุณค่าที่เพิ่มขึ้นจากข้อเสนอแบบพรีเมียมที่มีคุณภาพสูง 4.แนวคิดเรื่องความคุ้มค่า มีความสำคัญมากสำหรับนักท่องเที่ยวทั้งกลุ่มรายได้สูงและรายได้น้อยกว่า โดย 78% ของนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงมองว่าความคุ้มค่าเป็นปัจจัยที่ สำคัญมาก 5.เมื่อพูดถึงประสบการณ์ F&B ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความปลอดภัยเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด โดย 84% ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกจุดหมายปลายทาง
นางอัญชลี ภูมิศรีแก้ว จาก APISWA กล่าวว่า ผู้กำหนดนโยบายด้านการท่องเที่ยวต้องส่งเสริมปัจจัยแวดล้อมที่สนับสนุนต่อการเติบโตของภาคธุรกิจ F&B ให้มากขึ้น หนึ่งในประเด็นนโยบายสำคัญที่ควรได้รับการพิจารณา และมองว่า 4 ประเด็นนี้สามารถช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยจะช่วยให้ธุรกิจภาคบริการสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ดียิ่งขึ้น ทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจ F&B เพิ่มขึ้น 50,000-100,000 ล้านบาท คือ 1.ยกเลิกการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงเวลา 14.00-17.00 น. 2.การให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านระบบออนไลน์ได้ 3.ยกเลิกห้ามขายแอลกอฮอล์ในวันพระใหญ่ 4.การขยายโซนนิ่งและเวลาในการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายเรวัตร คงชาติ กรรมการสมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหารกลางคืน กล่าวว่า แค่เพียงรัฐบาลยกเลิกการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในช่วงเวลา 14.00-17.00 น. จะมีเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 10,000 ล้านบาท และหากมีการขยายโซนนิ่งก็ยิ่งมีเงินในระบบมากขึ้น
นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า การขยายเวลาขายแอลกอฮอล์ช่วยสร้างบรรยากาศในการท่องเที่ยวให้ดีขึ้น เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ทราบข้อห้ามของไทย บางทีจองล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา ไปตรงวันพระใหญ่ทำให้ดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ก็ทำให้เสียความรู้สึกกันไป ทั้งนี้ กรณีวันพระใหญ่ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะยกเลิกการขายให้หรือไม่ ที่ผ่านมาได้ยกเลิกให้กับสนามบินนานาชาติแล้วก็อยากให้ยกเลิกการห้ามขายให้โรงแรมซึ่งรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลักด้วย.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่