“พิรงรอง”หวั่นอุตสาหกรรมโทรทัศน์ตายหากไม่มีใครช่วย

น.ส. พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย และส่วนใหญ่เป็นแพลตฟอร์มระดับโลกที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่ออุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทย นอกจากนี้ เทคโนโลยีการลงโฆษณาแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย (addressable advertising) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังเป็นเครื่องมือที่ถูกนำมาควบคุมการบริโภคสื่ออีกทีหนึ่ง ซึ่งเกิดคำถามว่าจะมีผลต่อความคิด ค่านิยม และชีวิตของคนในสังคมอย่างไร

“จากการสำรวจการรับชมทีวี พบว่าเนื้อหาที่คนยังดูผ่านช่องทีวีพื้นฐานคือรายการข่าว ส่วนรายการเด็กและสารคดีนิยมดูผ่านสตรีมมิ่ง อุปกรณ์ออนไลน์มากขึ้น ทำให้โครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตเป็นกลไกที่สำคัญ” น.ส. พิรงรอง กล่าวว่า ปัจจุบันจำนวนผู้ชมและการมีส่วนร่วม (engagement) มีผลต่อรายได้ของสื่อ โดยเนื้อหาที่ไม่มีคุณภาพอาจได้รับความนิยมมากกว่าเนื้อหาที่มีสาระ ผู้ชมอาจเลือกรับสื่อเฉพาะในเรื่องที่สนใจ บวกกับการกระจายของข่าวลวง (disinformation) จึงมองว่าบทบาทของรายการทีวีโทรทัศน์ที่มีคุณภาพจึงยิ่งมีความสำคัญ ในฐานะเป็นพื้นที่ตรงกลาง เป็นพื้นที่สาธารณะ”

“ผลการศึกษาเรื่องฉากทัศน์ของโทรทัศน์ไทยของสำนักงาน กสทช. ชี้ให้เห็นว่าหากไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ อุตสาหกรรมโทรทัศน์ไทยมีแนวโน้มถึงกาลล่มสลาย อย่างน้อยต้องมีการลงทุน เสริมศักยภาพให้ผู้ประกอบการทีวีไทยอยู่ต่อไปได้ ไม่ใช่แค่ทีวีดิจิทัล แต่รวมถึงเคเบิลทีวี สื่อชุมชน สื่อท้องถิ่น”

โดยนอกจากการดำริที่จะกำกับดูแลบริการทีวีบนแพลตฟอร์มออนไลน์ (OTT - Over the Top) ซึ่งขณะนี้บอร์ด กสทช. ยังมีความเห็นไม่ตรงกันแล้ว ยังมีโครงการศึกษาการจัดตั้งแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับดูโทรทัศน์ในระดับชาติ (BVOD) ตามที่สมาคมทีวีดิจิทัลแห่งประเทศไทยเสนอ และมีการทบทวนวิธีการเข้าสู่การเป็นผู้รับใบอนุญาตภายหลังจากที่ใบอนุญาตปัจจุบันจะหมดอายุในปี 2572 ว่าใช้วิธีการอื่นได้หรือไม่ที่ไม่ใช่การประมูล รวมทั้งการทำแผนโรดแมปสำหรับกิจการโทรทัศน์ คาดว่าจะเสร็จภายในไตรมาส 2 ของปี 2568 มีเป้าหมายให้โทรทัศน์เป็นพื้นที่แสดงความคิดเห็นสาธารณะที่เป็นเหตุเป็นผล เคารพสิทธิ์ทุกคน เป็นพื้นที่น่าเชื่อถือมากขึ้น