ม.หอการค้าไทย เผยมาฆบูชา-วาเลนไทน์ปีนี้ เงินสะพัด 5.2 พันล้านบาท เป็นมาฆบูชา 2.5 พันล้านบาท สูงสุดรอบ 4 ปี และวาเลนไทน์ 2.7 พันล้านบาท ชี้เศรษฐกิจฟื้นแล้วเป็นแบบอ่อนๆ เพราะคนไทยยังระวังใช้จ่าย ส่วนสงครามการค้า คาดครึ่งแรกปีนี้ยังไม่เต็มรูปแบบ และไทยอาจไม่ถูกขึ้นภาษีรุนแรง
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่าย ช่วงวันมาฆบูชาและวาเลนไทน์พบว่าจะมีมูลค่าการใช้จ่ายรวม 5,200 ล้านบาท แบ่งเป็นวันมาฆบูชา2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.81% จากปี 67 ที่มีมูลค่า2,432 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 4 ปี นับจากปี 63 และวาเลนไทน์อีก 2,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.2%จากปี 67 ที่มีมูลค่า 2,518 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อคนที่2,287 บาท จากปี 67 ที่เฉลี่ย 2,125 บาท ถือเป็นมูลค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนที่สูงสุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่ปี 63เช่นกัน
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยสำรวจพฤติกรรมใช้จ่ายผู้บริโภคมาต่อเนื่อง ตั้งแต่ลอยกระทง ปีใหม่ ตรุษจีน จนถึงมาฆบูชา วาเลนไทน์ พบว่าการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นทุกช่วง ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวแล้วนับจาก ช่วงโควิด แต่ยังเป็นแบบอ่อนๆ เพราะประชาชนยังระวังใช้จ่าย ส่วนการแจกเงินหมื่น 2 เฟส ส่วนใหญ่บอกว่า ไม่รู้สึกว่ามีผลต่อตนเองมากนัก และเงินที่ใช้จ่ายในแต่ละเทศกาลจะเป็นเงินเดือน โบนัส อย่างไรก็ตาม ปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวโดดเด่นมากขึ้น และน่าจะขยายตัวได้ 3% บวกลบ ถ้าไม่นับรวมผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายทรัมป์ 2.0
“สิ่งที่คอนเฟิร์มว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นแล้วอีกอย่าง คือ ความเห็นของภาคธุรกิจที่บอกว่าการใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่สำรวจ โดยทั้ง 2 เทศกาลจะมีเงินสะพัด 5,200 ล้านบาท แทบไม่มีผลกระตุ้นจีดีพี โดยทุกๆ 10,000 ล้านบาท จะมีผลกระตุ้นจีดีพีได้ 0.05-0.09%”
ส่วนความรุนแรงของสงครามการค้านั้น นายธนวรรธน์กล่าวว่า ครึ่งแรกปีนี้ สงครามการค้าเต็มรูปแบบคงไม่เกิดขึ้น แต่อาจทยอยเกิดขึ้นช่วงครึ่งหลัง แม้ทรัมป์จะประกาศขึ้นภาษีนานาชาติ แต่เป็นเพียงการขู่ เพื่อเปิดโอกาสให้เจรจาแก้ปัญหายาเสพติด อาชญากรรม ผู้อพยพ ยังไม่ได้ขึ้นภาษีจริง ยกเว้นจีนที่ขึ้นแล้วอีก 10% โดยไม่เปิดโอกาสให้เจรจาต่อรอง แต่ 10% ก็ยังไม่ถึงสูงสุดที่ 65% ที่ทรัมป์หาเสียงไว้ แต่ที่กังวลคือสงครามจริงจะยุติได้หรือไม่เพราะการที่ทรัมป์จะพัฒนาฉนวนกาซานั้น ไม่มีเสียงตอบรับจากชาติตะวันตก อีกทั้งรัสเซีย-ยูเครนก็ยังไม่ยุติจริง “สหรัฐฯยังไม่น่ารีบขึ้นภาษีประเทศต่างๆ เพราะถ้าขึ้นราคาข้าวของจะแพง ยิ่งกดดันให้เงินเฟ้อสหรัฐฯสูงขึ้นอีก และทำให้ธนาคารกลาง (เฟด) อาจกลับมาขึ้นดอกเบี้ยหรือยังไม่ลด ส่วนไทยจะถูกขึ้นภาษีหรือไม่ ต้องจับตาใกล้ชิด แต่การที่ รมว.พาณิชย์ ไทยเดินทางไปสหรัฐฯ อาจไปล็อบบี้ก่อนเพื่อไม่ให้สหรัฐฯขึ้นภาษีไทย แต่ผมมองว่าไทยไม่น่าถูกขึ้นภาษีรุนแรง หากทรัมป์พูดถึงประเทศใด ประเทศนั้นจะถูกขึ้นภาษีหรือมีมาตรการจัดการ แต่ไทยยังไม่ได้ถูกพูดถึง”
ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีเยือนจีนอย่างเป็นทางการ จะเป็นประโยชน์กับไทยแน่นอน เพราะไทยเพิ่งอนุมัติโครงการลงทุนรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เฟส 2 และยังเร่งแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สกัดปัญหาจีนเทา ส่วนจะเห็นภาพการลงทุนของจีนในไทย และนักท่องเทียวจีนมาไทยเพิ่มขึ้นหรือไม่ ต้องติดตาม แต่ปัจจุบันจีนเป็นนักลงทุนอันดับต้นๆในไทย.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่