“แรงงาน” ยานยนต์ไทยนับแสนราย เสี่ยงหลุดออกจากระบบ บริษัทปรับตัวไม่ทันตามโลก รถจีนรุกแรง

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

“แรงงาน” ยานยนต์ไทยนับแสนราย เสี่ยงหลุดออกจากระบบ บริษัทปรับตัวไม่ทันตามโลก รถจีนรุกแรง

Date Time: 27 ม.ค. 2568 10:49 น.

Video

บุกโรงงานญี่ปุ่น ทัวร์ Glico ยักษ์ใหญ่อาหาร 3 แสนล้านเยน | BrandStory EP.27

Summary

จับตา 3 จุดเปลี่ยน อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ปรับลด-ยุติ-ย้ายฐานการผลิต ยังมีให้เห็นต่อเนื่อง ขณะ Krungthai COMPASS ประเมิน แรงงานนับแสนราย เสี่ยงหลุดจากระบบ เหตุบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนปรับตัวไม่ทันตามโลก รถจีนรุกแรง ตลาดส่อ Over Supply

Latest


อุตสาหกรรมยานยนต์เป็น 1 ในอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย สะท้อนจากมูลค่าตลาดที่สูงถึง 2.1 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 11% ของ GDP อีกทั้งยังมีจำนวนผู้ประกอบการกว่า 2,400 บริษัท และมีการจ้างงานถึง 690,000 คน

อย่างไรก็ดี ข้อมูลประเมินจาก Krungthai COMPASS ที่รวบรวมจากสถาบันยานยนต์, BOI และ Deloitte ระบุว่า ในอนาคตอันใกล้ คาดว่าแรงงานกว่า 110,000 คน ซึ่งเป็นสัดส่วนมากถึง 16.3% ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย มีความเสี่ยงที่ต้องย้ายไปทำงานในอุตสาหกรรมอื่นๆ แทน

จากสาเหตุปริมาณการผลิตรถยนต์ไทยอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาจกระทบการจ้างงาน 103,500 คน หรือ 15% ของอุตสาหกรรมและจากกรณีผู้ผลิตชิ้นส่วนไม่สามารถปรับตัวให้สอดรับกับกระแส NEV (ยานยนต์พลังงานใหม่ หรือ New Energy Vehicle) โดยเฉพาะในพาร์ทที่มีความเสี่ยงจะถูก Disrupt สูง

เช่น เครื่องยนต์ ICE ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง ท่อไอเสีย และเกียร์ ซึ่งจะนำไปสู่ความเสี่ยงด้านการจ้างงาน 8,700 คน คิดเป็น 1.3% ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก Nikkei Asia ได้รายงานว่ากำลังการผลิตรถยนต์ NEV ในจีนมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นไปแตะระดับ 36 ล้านคัน ในปี 2568 และจีนจะส่งออกรถ NEV สู่ตลาดโลกถึง 6 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ถึง 3-4 เท่าตัว ทำให้การแข่งขันด้านราคาอาจขยายเป็นวงกว้าง

ขณะผู้บริโภคไทยให้ความสนใจซื้อ BEV (รถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่) ลดลงส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “ปัญหาสงครามราคา” ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคบางส่วนตัดสินใจที่จะชะลอการซื้อรถยนต์ใหม่ออกไป เพื่อรอดูทิศทางราคาและนวัตกรรมใหม่ๆ ของตลาด

3 ประเด็นจับตาอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต

1. M&A หรือ “การรวมกันเราอยู่” อาจเป็นดีลที่พบเห็นได้มากขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์ในระยะถัดไป โดยล่าสุด Honda และ Nissan ได้ลงนาม MOU ควบรวมกิจการกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 3 ของโลก เพื่อแข่งผู้นำตลาด NEV อาทิ Tesla และ BYD

2. การปรับลด/ยุติ/ย้ายฐานการผลิต จะมีให้เห็นต่อเนื่องตามภาวะการแข่งขันที่รุนแรง สังเกตจาก Movement ของผู้ประกอบการในรอบปีที่ผ่านมา อาทิ Nissan เตรียมลดกำลังการผลิตทั่วโลก 20% ปลดหรือโยกย้ายพนักงานทั่วโลก 9,000 คน โดยเป็นในไทย 1,000 คน NETA หยุดการผลิตชั่วคราว และลดเงินเดือนพนักงานในจีน ขณะที่แรงงานในธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย ถูกลดโอที ลดเวลาทำงาน ลดการจ้าง Sub-contract

3. ประเด็นสุดท้ายคงเป็นการตั้งคำถามทิ้งท้ายว่า “การผลิต NEV ไทยจะมีความยั่งยืนแค่ไหน” ภายใต้สถานการณ์ที่บริษัทแม่ของบางค่ายรถยนต์ที่เข้ามาตั้งโรงงานในไทยกำลังประสบปัญหาด้านการเงิน

ที่มา: Krungthai COMPASS

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ