
นับเป็น “ที่ดิน” แปลงประวัติศาสตร์อีกแห่งของประเทศไทย สำหรับ “เวิ้ง นาครเขษม” หรือ บางเรียก “เวิ้ง นาครเกษม” แหล่งค้าขายระดับสากล แห่งแรกของเกาะรัตนโกสินทร์
ที่วันนี้ไม่ได้มี “คุณค่า” แค่ในเรื่องราวเล่าขาน หากแต่ยังอยู่ใน “ความทรงจำ” ของใครหลายๆ คน อีกทั้งยังถือเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางความสำเร็จของศิลปินด้านดนตรีมีชื่อเสียงมากมายในไทย
จากฐานะเป็นแหล่งค้าเครื่องดนตรีคุณภาพระดับตำนาน นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และหนังสือ สินค้านำเข้าหายากจากต่างประเทศ ให้ผู้คนในอดีตแวะเวียนมาไม่ขาดสาย ก่อนพื้นที่ดังกล่าวถูกปิดไปเมื่อหลายปีก่อน
ข้อมูลเผยแพร่จากหลายแหล่งเผยว่า เดิมทีพื้นที่เวิ้งนาครเขษมเป็นกองมรดกสมบัติรวมของ 5 ตระกูลใหญ่ ประกอบด้วย กิติยากร สวัสดิวัตน์ เทวกุล โสณกุล และบุณยะปานะ ก่อนช่วงปี 2555 บริษัท ทีซีซี เวิ้งนครเขษม จำกัด ได้กรรมสิทธิ์บริหารจัดการต่อ ด้วยราคาซื้อมาประมาณ 4,800 ล้านบาท
ต่อมาในปี 2564 ปรากฏข่าวใหญ่ พื้นที่ดังกล่าวถูกโอนมาอยู่ในมือของ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ทีซีซี กรุ๊ป เช่นกัน กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่งของประเทศไทย ขณะเจ้าของนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็น “เจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี”
ล่าสุดหลังจากพื้นที่ดังกล่าวถูกปิดเงียบมานาน บนราคาที่ดินในย่านเยาวราช ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ของประเทศ แพงที่สุด 1,900,000 บาท/ตารางวา วันนี้ (23 ม.ค. 2568) “วัลลภา ไตรโสรัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AWC (ลูกสาวคนที่ 2 ของเจ้าสัวเจริญ) ขยับเคลื่อนไหวอีกครั้ง ด้วยการดึง “ไทยโอบายาชิ” ยักษ์ใหญ่ด้านรับเหมาก่อสร้าง ร่วมลงเสาเอก นับหนึ่งการก่อสร้างโปรเจ็กต์ระดับมหึมาและท้าทายอีกโครงการหนึ่ง โดยคาดจะใช้เวลาเนรมิตนาน 5 ปีก่อนจะแล้วเสร็จ
ขณะเดียวกันก็นัดสื่อมวลชนแถลงข่าวครั้งสำคัญ เผยโฉมและบอกเล่าถึงรูปแบบการพัฒนาโปรเจ็กต์ บนพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้เป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ด้วยงบลงทุนสูงที่สุดกว่า 16,000 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ “เวิ้งนครเกษม เยาวราช” (Woeng Nakornkasem Yaowaraj) ด้วยเป้าหมายต้องการปลุกปั้นเวิ้งนาครเขษมเดิม เป็นแลนด์มาร์กระดับโลก ควบตำแหน่งไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเตรียมเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบ ปี 2572
ผู้บริหาร AWC เล่าว่า นี่ไม่ใช่เพียงจิ๊กซอว์ชิ้นเอกทางธุรกิจ หลังจาก AWC กำลังสร้างแผนงานใหญ่ให้กับภาคการท่องเที่ยวไทย ผ่านการปลุกปั้นประสบการณ์ท่องเที่ยวและการบริการระดับพรีเมียมที่ไม่มีใครเหมือน ในชื่อ “River Journey Project" เชื่อมต่อสถานที่ท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยาชื่อดัง ตั้งแต่ ทรงวาด, ล้ง 1919 และสิ้นสุดที่ เอเชียทีค เพื่อสร้างจุดเด่น เชื้อเชิญนักท่องเที่ยวทั่วโลกมาเยี่ยมเยือนประเทศไทย
หากแต่ “เวิ้งนาครเขษม” คือเรื่องราวและความภาคภูมิใจของชุมชน ที่ให้คุณค่ามาช้านาน ในฐานะเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีขนาดใหญ่ถึง 14 ไร่ (22,400 ตารางเมตร)ตั้งอยู่ใจกลางเยาวราช ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านเก่าแก่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของกรุงเทพฯ รวมถึงเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและการค้าที่สำคัญมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 ด้วย
การพัฒนาโครงการ "เวิ้งนครเกษม เยาวราช"จึงสำคัญและท้าทาย ด้วยเป้าหมายต้องการสร้างสีสันและคืนความมีชีวิตชีวาให้กับเยาวราช ผ่านการออกแบบที่ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทย-จีนอย่างลงตัว ด้วยขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุด
ทำให้ “เวิ้งนครเกษม เยาวราช” ใช้งบลงทุนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท มากถึง 16,000 ล้านบาท ตั้งเป้าขยายความมีชื่อเสียงของเยาวราช ประเทศไทย ด้วยตำแหน่ง “ไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” และเป็นแลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวแห่งใหม่ ครอบคลุมพื้นที่การพัฒนากว่า 135,000 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย
ทั้งหมดจะถูกออกแบบเพื่อสะท้อนถึงมรดกทางวัฒนธรรมไทย-จีนของย่านไชน่าทาวน์ ผ่านการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดั้งเดิมและการสร้างสรรค์องค์ประกอบใหม่ที่สอดคล้องกับความทันสมัยเพื่อพลิกฟื้นมรดกแห่งเยาวราช โดยพร้อมเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในปี 2572
วัลลภา ไตรโสรัส ยังกล่าวว่า โปรเจ็กต์นี้นอกจากเพิ่มสีสันในเชิงการท่องเที่ยวแล้ว ยังจะช่วยสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
สานความสัมพันธ์อันมีความหมายระหว่างคนในชุมชนเพื่อคุณค่าองค์รวมให้ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ส่งเสริมการเรียนรู้และความเข้าใจในมรดกทางวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองและการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
“โปรเจ็กต์ เวิ้งนครเกษม เยาวราช ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่สำคัญของย่านไชน่าทาวน์ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงคุณค่าทางประวัติศาสตร์เข้ากับอนาคต ซึ่ง AWC มุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำและเป็นที่ภาคภูมิใจให้กับชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก พร้อมส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจในชุมชนโดยรอบอีกด้วย”
ทั้งนี้ เวิ้งนครเกษม เยาวราช เชื่อมต่อถนน 3 ด้าน ติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT และ คลองโอ่งอ่าง วางเป้าหมายนักท่องเที่ยวราว 50% เป็นชาวต่างชาติ ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวครอบครัว ,นักท่องเที่ยวยุคใหม่มองหาประสบการณ์ และ นักท่องเที่ยวทั่วไป โดยโปรเจ็กต์ดังกล่าว ยังเตรียมพัฒนา รถนำเที่ยว รับ-ส่ง เชื่อมต่อไปยังแหล่งท่องเที่ยวจุดสำคัญตามเส้นทางพิเศษอีกด้วย
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney