ม.หอการค้าไทยชี้เศรษฐกิจไทยกลับหัว.คนรายได้น้อยใช้จ่ายมาก “คนชั้นกลาง”หยุดชอป-กอดเงินสดแน่น

 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. 67 ว่า เริ่มเห็นความแตกต่างของพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า โดยพบว่า ผู้มีรายได้ปานกลางขึ้นไป ไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย เห็นได้จากยอดซื้อสินค้าคงทนเติบโตชะลอลง เช่น บ้าน, รถยนต์ ขณะที่ผู้ที่มีรายได้น้อย กล้าจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น อาจเป็นผลจากการได้รับเงินโอน 10,000 บาท จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

“ตอนนี้ เศรษฐกิจไทย เป็นแบบรูปตัวเค (K) กลับหัว คือ คนที่มีรายได้ปานกลางถึงรายได้น้อยกล้าใช้จ่ายอาจเป็นเพราะค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มขึ้น เงินถูกหมุนลงไปในโครงการแจกเงิน 10,000 บาท การท่องเที่ยวเริ่มกระจายความเจริญไปสู่ท้องถิ่น แต่คนที่ไม่กล้าใช้จ่าย กลับเป็นกลุ่มคนรายได้ปานกลางขึ้นไป ดูจากการใช้จ่ายสินค้าคงทน เช่น บ้าน รถ ยังมีแนวโน้มติดลบ สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือนธ.ค.67 ที่ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 เพราะผู้ประกอบการยังรู้สึกว่า ต้นทุนการผลิตแพงจากปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม กำลังซื้อน้อยจากหนี้ครัวเรือนสูง และอีกประเด็น คือ สเถียรภาพการเมือง และปัจจัยภายนอก คือ สงคราม ที่มีผลให้ราคาน้ำมันโลกสูงขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.67 อยู่ที่ 57.9  เพิ่มจาก  56.9 ในเดือนพ.ย.67 ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 เพราะผู้บริโภคเริ่มเห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ช่วยให้สถานการณ์เศรษฐกิจไทยเริ่มดีขึ้น การท่องเที่ยวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะโตได้ 3% บวกหรือลบเล็กน้อย ขณะนี้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นดีขึ้น หมายถึงการจับจ่ายใช้สอยที่จะดีขึ้นในไตรมาส 1 ถ้ามีมาตรการเสริม แต่เศรษฐกิจจะฟื้นหรือไม่ ต้องดูจากภาคธุรกิจด้วย ซึ่งดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยยังไม่ได้แสดงให้เห็นว่าดีขึ้น แต่แค่เริ่มติดลบน้อยลง แต่อนาคตยังมีความหวังว่าจะบวกขึ้น