
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กรมสรรพสามิต อยู่ระหว่างทบทวนราคาขายปลีกแนะนำในสินค้าที่อยู่ในพิกัดการจัดเก็บของกรมสรรรพสามิต ที่มีราคาขายต่ำกว่าความเป็นจริง 5-10% โดยราคาขายปลีกแนะนำนั้น ทางผู้ผลิตสินค้าจะเป็นผู้กำหนด โดยกรมสรรพสามิตจะเป็นผู้เข้าไปตรวจสอบว่าเป็นราคาขายปลีกที่เหมาะสมหรือไม่ ดังนั้น เมื่อมีการกำหนดราคาขายปลีกแนะนำที่ต่ำ ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตลดลงตามไปด้วย
สำหรับการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพ สามิตอยู่ที่ 500,000-600,000 ล้านบาทต่อปี โดยสินค้าและบริการที่อยู่ในพิกัดภาษีมีอยู่ 22 รายการ จัดเก็บภาษีเพื่อลดผลเสียต่อสุขภาพและสินค้าที่มีลักษณะฟุ่มเฟือยเป็นหลัก โดย 6 รายการแรกที่มียอดจัดเก็บภาษีมากที่สุด คือ น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน รถยนต์ เบียร์ สุรา ยาสูบ และเครื่องดื่ม หากมีการปรับเพิ่มราคาขายปลีกเพิ่มขึ้นอีกราว 5% รัฐก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีก 20,000-30,000 ล้านบาท อย่างไรก็ดี การปรับปรุงราคาขายปลีกแนะนำใหม่นั้น จะเน้นไปยังสินค้าที่มีราคาสูง เช่น รถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ในตลาดที่เรียกว่าเกรย์ มาร์เกตซึ่งเป็นสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าสูง และมีการคิดราคาขายปลีกที่ต่ำกว่าความเป็นจริง 5-15%
ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตได้ประกาศใช้กฎหมายภาษีสรรพสามิต ฉบับใหม่ในปี 2560 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนฐานการคำนวณภาษีสรรพสามิต จากเดิมใช้ราคาหน้าโรงงาน หรือราคา CIF เป็นราคาขายปลีกแนะนำ โดยไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยการเปลี่ยนฐานการคำนวณภาษีสรรพสามิต จากราคา CIF กรณีเป็นสินค้านำเข้าไปเป็นราคาขายปลีกแนะนำนั้น เป็นการแก้ไขปัญหาการกำหนดราคาหน้าโรงงานหรือเคลมราคา CIF ต่ำกว่าความเป็นจริง ซึ่งมีผลต่อการจัดเก็บรายได้ของกรม
ดังนั้น จึงมีการปรับเปลี่ยนมาใช้ฐานราคาขายปลีกแนะนำ ซึ่งเป็นราคาที่อยู่บนท้องตลาดสามารถตรวจสอบได้ง่ายกว่าราคาหน้าโรงงานหรือราคา CIF โดยกฎหมายฉบับนี้นั้น ในกรณีราคาขายปลีกแนะนำไม่สอดคล้องตามความเป็นจริง หรือไม่เป็นไปตามกลไกตลาด ให้อธิบดีมีอำนาจประกาศราคาขายปลีกแนะนำ เพื่อถือเป็นเกณฑ์ในการคำนวณภาษี โดยกำหนดจากราคาขายหรือราคานำเข้า ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
สำหรับการตรวจสอบราคาขายปลีกแนะนำในท้องตลาดนั้น กรมจะใช้ราคาที่เป็นราคาอ้างอิงจากตลาดที่มีการขายสินค้าจำนวนมากๆ เช่น โมเดิร์นเทรด เป็นตัวอ้างอิงราคาขายปลีก ทั้งนี้ ตามกฎหมายฉบับนี้ ราคาขายปลีกแนะนำ ให้พิจารณาจากต้นทุนการผลิต ค่าบริหารจัดการ และกำไรมาตรฐาน ซึ่งจะต้องไม่ต่ำกว่าราคาขายต่อผู้บริโภคทั่วไปรายสุดท้ายในตลาดปกติ
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่