ลุ้น!คนอายุ50ปีรับเงินหมื่นบาท "คลัง"ชงบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ย้ำชัดลงทะเบียนไว้ได้รับทุกคน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีน.พ.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในวันที่ 19 พ.ย. 67นี้ ระทรวงการคลัง จะเสนอแนวทางการกระจายเงินช่วยเหลือให้กลุ่มผู้สูงอายุ ให้ที่ประชุมพิจารณา โดยหลักเกณฑ์เบื้องต้น มีความเป็นไปได้ที่จะแจกเงินก้อนเดียวเป็นเงินสดวงเงิน 10,000 บาท  ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ไม่ซ้ำซ้อนกับกลุ่มเปราะบางกว่า 14.5  ล้านคน ที่ได้รับเงินช่วยเหลือ  10,000 บาทไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงสิ้นเดือนก.ย.67 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามส่ิงสำคัญ คือ ต้องมีการลงทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาทผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐไว้แล้วก่อนหน้านี้ ส่วนกลุ่มอายุที่จะได้รับสิทธินั้น  อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเริ่มตั้งแต่อายุ 50 ปี หรือ 60 ปี ซึ่งขึ้นอยู่กับการพิจารณาที่ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่าจะเสนอการกระจายเงินให้กลุ่มผู้สูงอายุหรือไม่ เนื่องจากกลุ่มนี้มีความสามารถในการทำรายได้น้อยกว่ากลุ่มอื่น ซึ่งมองว่าการจ่ายเงินงวดนี้หรือเฟส 2 ประชาชนที่ได้รับสิทธิ์มีจำนวนไม่มากเท่ากับการแจกเงิน 10,000 บาทในช่วงที่ผ่านมา  ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุที่จะได้รับเงิน 10,000 บาทเมื่อไรนั้นต้องรอการประชุมก่อนซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นปลายปีนี้หรือช่วงต้นปีหน้า สำหรับกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจะมีการเปิดลงทะเบียนรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท เร็วๆ นี้ขอให้รอติดตามความคืบหน้า

“ขอยืนยันว่าประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐไปแล้ว จะได้รับเงิน 10,000 บาทครบทุกคนเพราะรัฐบาลได้เตรียมงบประมาณไว้รองรับแล้วกว่า 180,000 ล้านบาท แต่ระยะเวลาเงื่อนไขจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจก่อน เพื่อรับฟังความฟังความเห็นจากหลายหน่วยงานก่อนที่จะได้ข้อสรุป”

สำหรับการประชุมนัดแรกวันที่ 19 พ.ย.นี้ ในส่วนของคลังจะมีการเสนอเกี่ยวกับภาพรวมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นภาพใหญ่ทั้งมาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นครบถ้วนทุกมิติ สำหรับการแจกเงินให้กับกลุ่มเปราะบางในช่วงที่ผ่านมานั้นกระทรวงการคลังได้มีการประเมินว่าได้ช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส4 คาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาสนี้จะมีการขยายตัวได้ 4.3 - 4.4%  ซึ่งการเติมเม็ดเงินในช่วงปลายปีนี้ อาจส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าด้วย ซึ่งตามเป้าหมายกระทรวงการคลัง คาดว่าจีดีพี จะโต 3-4 %