ครม.เสียงแตก "ปุ๋ยคนละครึ่ง" ถกวุ่น หลังโดนชาวนาโวยเลิกช่วยไร่ละพัน

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ครม.เสียงแตก "ปุ๋ยคนละครึ่ง" ถกวุ่น หลังโดนชาวนาโวยเลิกช่วยไร่ละพัน

Date Time: 10 ก.ค. 2567 07:45 น.

Summary

ครม.เสียงแตกถกกันวุ่นหลังถูกชาวนาโวย! รัฐบาลยกเลิกโครงการช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บาท หรือครัวเรือนละ 20,000 บาท มาใช้โครงการปุ๋ยคนละครึ่งแทน ทำให้เหลือได้รับแค่ครัวเรือนละ 10,000 บาท ทำให้นายกรัฐมนตรีหยิบยกขึ้นมาให้หารือ ครม.

Latest

ยุบสภา สะเทือนนโยบายหลักต้องรอรัฐบาลใหม่ตัดสินใจ เผยคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ฝันค้าง

ครม.เสียงแตกถกกันวุ่นหลังถูกชาวนาโวย! รัฐบาลยกเลิกโครงการช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บาท หรือครัวเรือนละ 20,000 บาท มาใช้โครงการปุ๋ยคนละครึ่งแทน ทำให้เหลือได้รับแค่ครัวเรือนละ 10,000 บาท ทำให้นายกรัฐมนตรีหยิบยกขึ้นมาให้หารือ ครม. ขณะที่ "ภูมิธรรม-ธรรมนัส" ขอร่วมหัวจมท้ายดันโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง “เกรียง-สมศักดิ์-สุริยะ” ยังคาใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 9 ก.ค.2567 ได้ใช้เวลาประชุมนานกว่าปกติ เนื่องจากมีการหยิบยกประเด็นที่ ครม.เคยมีมติไปก่อนหน้านี้ ในเรื่องของโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง โดยรัฐบาลจะสนับสนุนให้ชาวนาไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ รวมแล้วได้รับไม่เกินครัวเรือนละ 10,000 บาท แต่ภายหลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ ได้ถูกทักท้วงจากประชาชน รวมทั้งมีเสียงทักท้วงมาจาก สส.ที่เรียกร้องอยากให้รัฐบาลกลับไปใช้โครงการเดิมคือ โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไร่ละ 1,000 บาท ที่ให้ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือ 20,000 บาท โดยนายเศรษฐาได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาในที่ประชุม ครม. และขอให้ไปถกกันในวาระท้ายสุด ซึ่งใช้เวลาร่วม 1 ชั่วโมง ทำให้การประชุม ครม.จากที่เคยจบประชุมเวลา 11.10 น. ขยับเป็นเวลา 12.10 น.

ทั้งนี้ ในที่ประชุม ครม. ทั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้นำเสนอถึงผลดีของโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง และ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่าได้รับการสนับสนุนจากสมาคมชาวนา ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ระบุว่า โครงการเดิมต้องใช้เงินเยอะปีละ 57,000 ล้านบาท หากยังทำต่อไปจะไม่เหลือเงินไปทำโครงการอื่นได้ และขณะนี้ราคาข้าวได้สูงขึ้นกว่าเดิมแล้ว

อย่างไรก็ตาม นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย กล่าวว่า ถูกชาวนาต่อว่าและเรียกร้องอยากให้ใช้โครงการเดิมมากกว่า และการเปลี่ยนโครงการไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ชาวนาได้ทราบก่อน ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เสนอแนะให้ทำทั้งสองโครงการคู่ขนานกันไป ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ได้พูดถึงสมาคมชาวนาที่ถูกหยิบยกขึ้นมาว่าสนับสนุนโครงการนี้ น่าเชื่อถือได้แค่ไหน อย่างไรก็ตาม ท้ายสุดนายกฯสรุปให้ดำเนินโครงการปุ๋ยคนละครึ่งไปเช่นเดิม แต่หากระหว่างทางมีวิกฤติเกิดขึ้น รัฐบาลจะยังคงเข้าไปดูแลชาวนาเช่นเดิม

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 12.15 น. นายเศรษฐาแถลงว่า เรื่องสุดท้ายในการประชุมที่ได้พูดคุยกันและเป็นเหตุให้การประชุมเสร็จช้า เนื่องจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้มีการพูดคุยถึงรายละเอียดในโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง โดยแจ้งว่า โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไร่ละ 1,000 บาท กับโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เป็นคนละโครงการกัน และปีที่ผ่านมาที่ราคาข้าวอยู่ที่ประมาณ 7,000-8,000 บาทต่อตัน แต่ปัจจุบันราคาข้าวดีขึ้นแล้ว จึงทำให้เกิดโครงการปุ๋ยคนละครึ่งเพื่อลดต้นทุนของเกษตรกรชาวนา และเพิ่มจำนวนผลผลิตต่อไร่ของข้าว เป็นโครงการที่มีความยั่งยืนและใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า เป็นสิ่งที่พูดคุยกับหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรอย่างแท้จริง

“อย่าลืมว่าไม่ใช่แค่ราคาข้าวต่อตันอย่างเดียวที่มีความสำคัญ ซึ่งเรามั่นใจว่าปีนี้ราคาข้าวจะดี จากการที่เราใช้เกษตรแม่นยำ ใช้ปุ๋ยที่ถูกต้องตามการวิเคราะห์ดินโดยใช้หมอดิน ซึ่งมีอยู่หลายหมื่นคนทั่วประเทศ ทำให้เราทราบถึงความต้องการของปุ๋ยที่ถูกต้อง ซึ่งจะมีการสำรวจหน้าดินว่าขาดแคลนอะไรก่อน และกระทรวงเกษตรฯพยายามหาผู้ค้าปุ๋ยมาประมาณ 40-50 ราย เราเน้นย้ำเรื่องไม่ให้มีการทุจริตด้วย”

ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า หลายท่านถามว่าหากชาวนาไม่ต้องการปุ๋ย แต่ต้องการไร่ละ 1,000 บาท ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการของรัฐ เอาไว้ใช้เมื่อเกษตรกรมีปัญหาจากการปลูกข้าวที่ไม่มีคุณภาพซึ่งเกิดจากความแล้งหรือน้ำท่วม ส่งผลให้ข้าวเกิดความเสียหาย รัฐต้องเข้าไปเยียวยา ประเด็นสำคัญคือราคาข้าวปีไหนที่ตกต่ำมาก ตันละ 7,000-8,000 บาท ชาวนาอยู่ไม่ได้ เพราะต้นทุนการผลิตสูงกว่า รัฐก็จะเข้าไปสนับสนุน โดยดูแลค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000 บาท ซึ่งรัฐบาลนี้ประกาศชัดเจน เราจะต้องพัฒนาคุณภาพข้าว เพิ่มปริมาณต่อไร่ และราคาข้าวต้องสูง ไม่ควรจะต่ำกว่าตันละ 11,000-15,000 บาทต่อตัน ทั้งนี้ หากต่อไปข้าวมีราคาสูง รัฐบาลจะต้องเข้าไปสนับสนุนอีกหรือ ตรงนี้มันคนละเรื่องกันต้องแยก ยืนยันว่าไร่ละ 1,000 บาทนั้น หากเกิดวิกฤติกับพี่น้องชาวนา โครงการนี้ยังมีอยู่ไม่ได้ยกเลิก “การวิพากษ์วิจารณ์โดยนำไปโยงกัน ถือเป็นการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกัน มันคนละเรื่องอย่าเอา 2 เรื่องมาผูกให้เป็นเรื่องเดียวกัน”.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ