นายกฯ สั่งเร่งแก้น้ำแล้ง-น้ำท่วม รับพิจารณา "ขายแอลกอฮอล์บ่าย 2 ถึง 5 โมง"

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีชมรมผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้ช่วยหามาตรการ ต่อลมหายใจ หลังต้นทุนค่าวัตถุดิบและราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้นกว่า 50% ส่งผลให้ร้านอาหารทยอยปิดกิจการไปหลายราย รัฐบาลจะต้องหามาตรการอะไรออกมาช่วยเหลือเร่งด่วนก่อนหรือไม่ ว่า เราคงต้องดูในแง่มุมของภาพรวมมากกว่า เชื่อว่ามี 2 ส่วน และคิดว่ารายจ่ายก็สูงขึ้น ซึ่งรัฐบาลเองก็พยายามผลักดันเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งก็หวังว่าตรงนี้จะทำให้เขามีรายได้มากยิ่งขึ้นด้วย ส่วนข้อเสนอเรื่องการแก้ไขแก้กฎหมายที่ล้าหลัง เช่น ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารช่วง 14.00-17.00 น. ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2515 นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะรับไปพิจารณา

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่(ครม.สัญจร จ.นครราชสีมา) ว่า ก่อนการประชุม ครม. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการและให้นโยบาย เรื่องการแก้ปัญหาราคาเนื้อโคตกต่ำ โดยกล่าวว่า การลงพื้นที่ภาคอีสาน ทำให้เห็นศักยภาพด้านปศุสัตว์สูงมาก โดยเฉพาะการผลิตเนื้อโคในหลายระดับราคา แต่ยังขาดด้านการตลาด จึงสั่งการให้กระทรวงเกษตรฯ เข้ามาช่วยดูเรื่องการพัฒนาสายพันธุ์ มาตรฐานการผลิต โรงเชือด และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ เร่งแก้ปัญหาเรื่องราคาและเจรจาเปิดตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพให้มากขึ้น เช่น ซาอุดีอาระเบีย และจีน เป็นต้น

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมีข้อสั่งการและให้นโยบายเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งซ้ำซาก นายกฯมีความห่วงใยหลายพื้นที่ในภาคอีสาน หรือล่าสุดที่จังหวัดภูเก็ตที่ยังประสบกับปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งซ้ำซาก สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก ซึ่งในการประชุม ครม. เมื่อวันอังคารที่ 25 มิ.ย.67 ได้อนุมัติงบกลางกว่า 7,600 ล้านบาท เพื่อเร่งแก้ปัญหาเรื่องนี้

ขณะเดียวกัน หลังการประชุม ครม.สัญจร นายชัยได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ที่ประชุม ครม.สัญจร จ.นครราชสีมา ได้เห็นชอบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาในพื้นที่กลุ่มจังหวัดตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) หรือ กรอ.กลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ 24 โครงการ วงเงิน 496.15 ล้านบาท แบ่งเป็น การอนุมัติโครงการตามข้อเสนอจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 รวม 16 โครงการ 249 ล้านบาท และโครงการภาคเอกชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 รวม 8 โครงการ วงเงิน 247.15 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้รับทราบตามที่สำนักงบประมาณเสนอว่าที่ผ่านมาการประชุม ครม.สัญจรได้มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการตามผลการประชุมบูรณาการรวมฯ ไปแล้ว 56 โครงการ วงเงินทั้งสิ้น 1,152.78 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (หนองบัวลำภู อุดรธานี เลย หนองคาย บึงกาฬ) 2.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ระนอง ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา สตูล) 3.กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (พะเยา เชียงราย น่าน และแพร่) ในคราวประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.หนองบัวลำภู ระนอง และพะเยา ตามลำดับ ดังนั้น เมื่อรวมกับการประชุม ครม.สัญจรครั้งล่าสุด จ.นครราชสีมา ได้มีการอนุมัติไปทั้งสิ้น 80 โครงการ วงเงิน 1,648.93 ล้านบาท

น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่(ครม.สัญจร) จ.นครราชสีมา เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอผลการประมูลสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดนครราชสีมา พ.ศ.2572 โดยเห็นชอบให้กระทรวงเกษตรฯ เป็นหน่วยงานหลักในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเตรียมการจัดงาน และการแต่งตั้งคณะกรรมการโดยมีรองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงเกษตรฯเป็นประธานและ รมว.เกษตรฯเป็นรองประธานและจัดทำแผนงานและงบประมาณ 4,281 ล้านบาท พร้อมทั้งเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียดเอกสารสัญญาให้มีความรอบคอบ รัดกุม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่