จับสัญญาณ...การเร่งปรับโครงสร้างหนี้

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

จับสัญญาณ...การเร่งปรับโครงสร้างหนี้

Date Time: 2 ก.ค. 2567 06:01 น.

Summary

หลังจากที่ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์บางรายได้ออกมาส่งสัญญาณถึง “ความฝืดเคือง” ที่เพิ่มขึ้นในสังคมไทย โดยได้ระบุถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และคงอยู่ ในระดับสูงต่อเนื่อง ได้ทำให้ครัวเรือนไทยอยู่ในสภาวะชักหน้าไม่ถึงหลังเพิ่มมากขึ้น

Latest

ท่องเที่ยวปลายปีคึกคักน้อย พิษน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้-ปมขัดแย้งกัมพูชา

หลังจากที่ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารพาณิชย์บางรายได้ออกมาส่งสัญญาณถึง “ความฝืดเคือง” ที่เพิ่มขึ้นในสังคมไทย โดยได้ระบุถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และคงอยู่ ในระดับสูงต่อเนื่อง ได้ทำให้ครัวเรือนไทยอยู่ในสภาวะชักหน้าไม่ถึงหลังเพิ่มมากขึ้น

จากเดิมที่เราเคยเฝ้าระวังกลุ่มเปราะบาง หรือครัวเรือนที่รายได้ประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน ที่ต้องได้รับความช่วยเหลือทั้งการบรรเทาค่าครองชีพ และการเร่งรัดการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้นำเงินส่วนที่เหลือไปใช้จ่ายประจำวันมากขึ้น ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เราได้ยินข่าวการ ปฏิเสธสินเชื่อใหม่ที่เพิ่มขึ้นเพราะฐานะของลูกหนี้แย่ลง พร้อมกับการส่งสัญญาณพบปัญหาการชำระหนี้ของกลุ่มคนชั้นกลางล่าง หรือครัวเรือนที่มีรายได้ 40,000-60,000 บาท

โดยระบุว่า หนี้ของคนกลุ่มนี้เริ่มมีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเริ่มเห็นหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ หรือหนี้ที่ขาดส่งบางเดือนมาจากคนกลุ่มนี้มากขึ้น โดยลูกหนี้จะใช้วิธีเลือกส่งหนี้เดือนเว้นเดือน หรือเดือนเว้น 2 เดือน เพื่อไม่ให้กลายเป็นหนี้เสีย แทนการส่งเป็นประจำทุกเดือนตามกำหนด

นอกจากนั้น หลังจากที่พยายามประคับประคองมายาวนานในช่วงโควิด เราเริ่มเห็นยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อไปอีกระยะ โดยเฉพาะ หนี้เช่าซื้อรถยนต์ จักรยานยนต์ และบัตรเครดิต

และในแถลงข่าวภาวะเศรษฐกิจล่าสุด แบงก์ชาติยังพบว่าแรงงานในภาคการผลิต ซึ่งมีกว่า 6.3 ล้านคนอยู่ในภาวะที่รายได้เพิ่มขึ้นช้า และอาจจะไม่เพียงพอรองรับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และสุดท้ายอาจจะเกิดปัญหาการชำระหนี้

หากจะถามว่า ในช่วงที่ผ่านมานั้นทางภาครัฐ โดยเฉพาะแบงก์ชาติได้มีความพยายามให้ธนาคารพาณิชย์และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเร่งรัดในการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นหนี้เสีย คือ ให้เริ่มเข้ามาคุยตั้งแต่มีพฤติกรรมเริ่มขาดส่งหนี้บางเดือน รวมทั้งมีแนวทางการให้สินเชื่อที่รับผิดชอบที่สั่งให้แบงก์ต้องปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้ 3 ครั้ง คือ ครั้งแรกก่อนเป็นหนี้เสีย ครั้งที่สองเมื่อเป็นหนี้เสียแล้ว และครั้งที่ 3 คือก่อนสั่งฟ้อง

ยอดตัวเลขของลูกหนี้ที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้สะสมในไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ 3.7 ล้านบัญชี มูลหนี้ที่ได้รับการปรับโครงสร้างหนี้ 920,000 ล้านบาท ส่วนนี้ช่วยลูกหนี้ได้ส่วนหนึ่ง แต่ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมามีจำนวนบัญชีที่ปรับโครงสร้างหนี้แล้วไหลกลับมาเป็นหนี้เสียเพราะทำตามเกณฑ์ใหม่ไม่ได้เช่นกัน

และหากจับสัญญาณจากที่นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ได้เชิญผู้บริหารระดับสูงของผู้ประกอบธุรกิจกลุ่มนอนแบงก์ (non–bank) รายใหญ่มาหารือเรื่องการเร่งรัดการปรับโครงสร้างหนี้ตามเกณฑ์แบงก์ชาติอย่างเคร่งครัด และจะมี บทลงโทษหากฝ่าฝืนไม่ทำตามเกณฑ์ที่กำหนด

แสดงให้เห็นว่า แบงก์ชาติเห็นลูกหนี้ที่มีปัญหาในการส่งหนี้ที่ซุกซ่อนอยู่จำนวนมากและยังไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม โดยเจ้าหนี้บางรายยังใช้วิธียึดรถ ยึดบ้าน ฟ้องร้องลูกหนี้ เพื่อตัดหนี้ออกจากบัญชี แทนความพยายามในการช่วยเหลือลูกหนี้อย่างแท้จริง และอาจจะยิ่งซ้ำเติมลูกหนี้มากขึ้น เพราะบ้าน รถถือเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิต

กรณีนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีที่แบงก์ชาติสังเกตเห็น และหากจะดีกว่านี้ลูกหนี้ฝากให้ช่วยจี้แบงก์ให้ปล่อยสินเชื่อสำหรับคนอาจจะมีความเสี่ยงมากขึ้น และมีความจำเป็นมากกว่าด้วย เพื่อช่วยให้ประคองชีวิต และธุรกิจได้ในยามที่อับจน.

มิสเตอร์พี

คลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ