“อินเดีย” คู่ค้าเบอร์11ของไทย เตรียมผงาด ขึ้นเป็นมหาอำนางทางเศรษฐกิจ Top4 ของโลกโอกาสเราอยู่ตรงไหน

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

“อินเดีย” คู่ค้าเบอร์11ของไทย เตรียมผงาด ขึ้นเป็นมหาอำนางทางเศรษฐกิจ Top4 ของโลกโอกาสเราอยู่ตรงไหน

Date Time: 11 มิ.ย. 2567 12:02 น.

Video

“BOYY” From Bangkok to Milan | BrandStory Exclusive EP.16

Summary

  • เกินต้าน! อินเดีย ขึ้นแท่น ประเทศ ที่มีเศรษฐกิจเติบโต ร้อนแรงที่สุดในโลก เตรียมผงาด ขึ้นเป็นมหาอำนาจ เบอร์ 4 รองจากเยอรมนี ภายในปี 2568 หลัง จีดีพี ล่าสุดโต 8.2% ขณะ "พาณิชย์" วิเคราะห์ ผลการเลือกตั้งนายกฯอินเดีย คนเดิมคว้าชัย ยิ่งเป็นโอกาส ค้าขาย ไทย-อินเดีย แนะผู้ประกอบการเร่งคว้าประโยชน์ จากข้อตกลง FTA

Latest


“อินเดีย” กลายเป็นประเทศที่น่าจับตามองจากนานาประเทศ มากที่สุดในเวลานี้ เพราะท่ามกลาง ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจหลักๆ อ่อนแอลง แต่ อินเดีย กลับเพิ่มการขยายตัวของ GDP ได้รวดเร็วที่สุดในโลก 8.2% เมื่อปี งบประมาณ 2566-2567 ที่สิ้นสุดไปเมื่อ เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา 

และด้วยขนาดตลาด ที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก มากกว่า 1,400 ล้านคน ส่งผลให้ เมื่อเร็วๆ นี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า “อินเดีย” จะขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของโลก ภายในปีหน้า เป็นรองจากสหรัฐฯ จีน และเยอรมนี  

ขณะปัจจัยสำคัญ ที่กระทรวงพาณิชย์ของไทย แนะ ให้ผู้ประกอบการเร่งศึกษาและเจาะโอกาสความเป็นไปได้ ในการค้า-ขาย กับอินเดีย ให้มากยิ่งขึ้น อันจะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจไทย มาจาก การที่นายกรัฐมนตรี "นเรนทรา โมดี" จากพรรค BJP ชนะการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทำให้ ครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอินเดีย เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน 

อินเดีย จะขึ้นแทนที่จีน โอกาสประเทศไทย อยู่ตรงไหน 

ซึ่งคาดการณ์ว่ารัฐบาลอินเดียจะยังคงนโยบายด้านการค้าระหว่างประเทศอย่างเข้มข้นต่อไป และมีทิศทางบวก เนื่องจากที่ผ่านมา “อินเดีย” ดำเนินนโยบายต่างประเทศ ที่เป็นอิสระและเป็นเอกเทศ สนับสนุนโลกหลายขั้วอำนาจ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด 

ส่งผลดีต่ออินเดียอย่างชัดเจนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ขยายวงกว้างระหว่างจีนและสหรัฐฯ นำไปสู่การยกระดับอินเดียสู่ระบบห่วงโซ่การผลิตของโลกแทนที่จีน และพาอินเดียเป็นมหาอำนาจเกิดใหม่ (Emerging Power)

อินเดีย ยังเชิดชู ปรัชญา “อัตมานิรภาร์ ภารัต” หรือนโยบายพึ่งพาตนเองในการส่งเสริม “สินค้าอินเดีย” ในตลาดห่วงโซ่อุปทานโลก ช่วยผลักดันให้อินเดีย ขึ้นเป็น ศูนย์กลางการส่งออกโลก มุ่งเน้นการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศคู่ค้าต่างๆ อาทิ สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร โอมาน ศรีลังกา ออสเตรเลีย และเปรู

โดยปีงบประมาณที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าและบริการของอินเดีย มีมูลค่า รวมกัน สูงกว่า 776.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์

สำหรับความยิ่งใหญ่ของอินเดีย กับความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจของไทยนั้น กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมาย 10 ประเทศสำคัญที่ไทยจะดำเนินการนโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก ทำงานร่วม ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) 

ทั้งนี้ ไทยมีการเร่งผลักดันการใช้สิทธิ์ภายใต้ความตกลง FTA ที่ไทยมีกับอินเดียทั้ง 2 ฉบับ ได้แก่ ไทย-อินเดีย และ อาเซียน-อินเดีย เพื่อยกระดับความตกลงให้มีความทันสมัยและครอบคลุมมากขึ้น

ผลักดันประโยชน์สูงสุดต่อผู้ส่งออกและผู้ประกอบการไทย รวมถึงผลักดันสินค้าไทยให้สามารถจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ของอินเดีย

โดยเมื่อปี 2566 อินเดียเป็นคู่ค้าลำดับที่ 11 ของไทย มีมูลค่าการค้ารวม 16,044.9 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 555,217 ล้านบาท สัดส่วนราว 2.8 % ของการค้ารวมของไทยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปอินเดีย ได้แก่ 

สินค้าส่งออก

  • เม็ดพลาสติก 
  • เคมีภัณฑ์ 
  • ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ 
  • อัญมณีและเครื่องประดับ 
  • เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ 

สินค้านำเข้า

  • เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ 
  • เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 
  • เคมีภัณฑ์ 
  • พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช 
  • สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์

ขณะธนาคารไทยพาณิชย์ วิเคราะห์ว่า การที่เศรษฐกิจอินเดีย ขยายตัวสูงมาก ทำให้มีความต้องการสินค้าเพิ่มมากขึ้น เนื่องจาก สินค้าส่งออกของไทยไปอินเดียยังมีน้อย และ อินเดียมีหลายรัฐ ทำให้ความต้องการการบริโภคหลากหลาย และ เข้มข้น อินเดีย จึงถือเป็นตลาดส่งออกที่มีศักยภาพ 

ภายใต้ ปัจจัยบวก จากการที่คนอินเดียมีทัศนคติที่ดีต่อสินค้าไทย มองสินค้าไทย เป็นสินค้าที่มีคุณภาพคุณภาพสูง และสามารถซื้อได้ ขณะไทยยังมีกลุ่มสินค้าที่ได้ประโยชน์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรี FTA อีกทั้ง อินเดีย ยังถือเป็นประตูส่งออกสินค้าจากไทย ไปสู่ประเทศข้างเคียงอีกด้วย 

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ