นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู โฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 50 สตางค์ มีผลวันที่ 20 เม.ย.67นี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 30.94 บาทต่อลิตร ทั้งนี้หลังจากมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 19 เม.ย.67 ที่ผ่านมา และผู้ค้าน้ำมันอาจต้องทยอยปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซินเป็นแบบขั้นบันไดในครั้งต่อๆไป ทั้งนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้ชดเชยราคาน้ำมันดีเซลมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา จนทำให้ปัจจุบันสถานะกองทุนน้ำมัน ติดลบ 103,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 56,407 ล้านบาท บัญชีก๊าซหุงต้ม 47,213 ล้านบาท
“ปัจจุบันมีการชดเชยราคาน้ำมันดีเซล 4.77 บาทต่อลิตร หรือคิดเป็นเงิน 8,000 ล้านบาทต่อเดือน หากไม่มีการชดเชย ราคาน้ำมันดีเซลที่แท้จริงจะอยู่ที่ 36 บาทต่อลิตร และหากปล่อยชดเชยราคาน้ำมันดีเซลในระดับเดิมต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้กองทุนน้ำมัน ติดหนี้เพิ่มมากขึ้น อาจจะกระทบกับวินัยการเงินและระดับความน่าเชื่อถือของกองทุนน้ำมัน อย่างไรก็ตามกระทรวงพลังงานจะพยายามรักษาระดับราคาน้ำมันให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงภาระของประชาชนเป็นหลัก แต่ก็ต้องพิจารณาถึงภาระของกองทุนน้ำมันไปพร้อมๆกันด้วย และเตรียมหามาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า”
ด้านนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมจะติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างใกล้ชิดมากขึ้น และได้ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิต ยังคงตรึงราคาขายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาเดิมต่อไป เพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน ซึ่งได้รับคำยืนยันจากผู้ผลิตยินดีจะให้ความร่วมมือเต็มที่ โดยน้ำมันดีเซล คิดเป็นสัดส่วน 40% ของต้นทุนการขนส่ง หากราคาปรับขึ้น ธุรกิจบริการขนส่งสินค้า หรือโลจิสติกส์ จะได้รับผลกระทบก่อน แต่สินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ ยังไม่มีผล เพราะดีเซลมีสัดส่วนน้อยมากในต้นทุนการผลิต ขณะที่ผู้ผลิตสินค้ารับปากจะตรึงราคาขาย เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน และจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง
สำหรับราคาผักสดที่ปรับขึ้นราคานั้น พบว่า ปรับขึ้นมาเล็กน้อย เพราะในช่วงสงกรานต์ รถขนส่งสินค้า และแรงงานเก็บผักหยุดยาว ทำให้ผักเข้าสู่ตลาดน้อย และราคาสูงขึ้น คาดว่าในอีก 1-2 วัน สถานการณ์ราคาจะคลี่คลาย เพราะรถขนส่งสินค้า และแรงงานเริ่มกลับมาทำงานแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วงหน้าร้อน สภาพอากาศแล้ง ผักบางชนิดอาจได้รับความเสียหาย ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย และราคาปรับขึ้น หากในพื้นที่ใด มีปัญหาขาดแคลน หรือหาซื้อยาก กรมจะเชื่อมโยงจากแหล่งผลิตสู่ผู้บริโภค เพื่อลดความเดือดร้อนให้ทันที
ส่วนราคาปุ๋ยเคมีขณะนี้ ยังคงทรงตัว หรือปรับขึ้น-ลงในช่วงแคบๆ แม้ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่จบ และเกิดความขัดแย้งใหม่ระหว่างอิสราเอล และอิหร่าน โดยล่าสุด ราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมีในประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องจากช่วงเดือน พ.ค.65 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาปุ๋ยปรับสูงขึ้นสูงสุดประมาณ 40%-50% และปริมาณสต๊อกปุ๋ย ณ สิ้นเดือน มี.ค.67 ของไทยอยู่ที่ 1.22 ล้านตัน เพียงพอสำหรับการเพาะปลูกแน่นอน
“หากพบว่ามีการกักตุนหรือจำหน่ายสินค้าในราคาแพงเกินสมควร จะมีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย มีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท หากเกษตรกรไม่ได้รับความเป็นธรรมทางการค้า ร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมโทร. 1569 หรือแอปพลิเคชันไลน์ @MR.DIT”
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้ประกอบการค้าปุ๋ยเคมี ขยายระยะเวลาโครงการปุ๋ยราคาถูก เฟส 2 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.- 30 มิ.ย.67 มีปริมาณปุ๋ยเข้าร่วมโครงการ 5.1 ล้านกระสอบ ส่วนลดสูงสุดถึงกระสอบละ 50 บาท ช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรได้กว่า 280 ล้านบาท.
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่