วิจัยกรุงศรี จ่อปรับลด คาดการณ์ GDP ปี 2567 โตต่ำกว่า 3% ฟื้นตัวช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

วิจัยกรุงศรี จ่อปรับลด คาดการณ์ GDP ปี 2567 โตต่ำกว่า 3% ฟื้นตัวช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้าน

Date Time: 20 ก.พ. 2567 09:53 น.

Video

ถอดรหัส TISA บัญชีออมหุ้นลดหย่อนภาษี | Money Issue EP.38

Summary

GDP ไทยปี 66 โตต่ำ 1.9% เขย่าทิศทางเศรษฐกิจปี 67 ด้าน วิจัยกรุงศรี จ่อปรับลดคาดการณ์ GDP ว่าปีนี้อาจโตได้ต่ำกว่า 3% ชี้ ปัญหาเชิงโครงสร้าง บั่นทอนวัฏจักรการฟื้นตัว ทั้งภาคอุตสาหกรรม และการส่งออก เดินตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนปัจจัยบวก เงินดิจิทัล 10,000 บาท ยังรอค้างพิจารณา 30 วัน

GDP หรือ การเติบโตทางเศรษฐกิจ ไตรมาส 4 ของปี 2566 ที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เผยล่าสุดวานนี้ ว่า โตเพียง  1.7% 

อันเนื่องจากปัจจัยลบรุมเร้า ได้แก่ 

  • การใช้จ่ายภาครัฐที่หดตัว จากความล่าช้าของการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567
  • รายรับจากท่องเที่ยวที่ชะลอตัวตามการลดลงของค่าใช้จ่ายต่อหัวแม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นก็ตาม 
  • การลงทุนภาคเอกชนหดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนไม่มีการเติบโตเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

ทำให้ เศรษฐกิจไทย ทั้งปี  2566 ขยายตัวแค่ 1.9% เท่านั้น นับเป็นภาพสะท้อน ว่าเศรษฐกิจไทย กำลังอ่อนแอ และน่ากังวลถึงทิศทางเศรษฐกิจปีนี้ ที่อยู่ภายใต้แวดล้อม ปัจจัยโลก-ปัจจัยลบ หลายประเด็น จนสภาพัฒน์ เอง ก็คาดว่า GDP ไทย ปี 2567 จะมีโอกาสเติบโตได้ราว 2.2-3.2% เท่านั้น ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ (เดิม อยู่ที่ 2.7-3.7% )

จ่อหั่นคาดการณ์ GDP ปี 67 เหลือต่ำกว่า 3% 

ล่าสุด วิจัยกรุงศรี เผยแพร่บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ โดยชี้ว่า รายงานเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน ซึ่งขยายตัว 1.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.6% และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี ที่ -0.6% ส่งผลให้ วิจัยกรุงศรีเตรียมปรับลดประมาณการเศรษฐกิจ คาดปี 2567 โตต่ำกว่า 3% จากที่เคยคาดว่าจะขยายตัวที่ 3.4% 

เนื่องจากตัวเลข GDP ในไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนอ่อนแอกว่าที่คาดไว้มาก ประกอบกับ ปัจจัยลบจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ฉุดรั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกให้เติบโตช้ากว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค 

นอกจากนี้ หากปัญหาเชิงโครงสร้างบั่นทอนการฟื้นตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจจนลดทอนแรงส่งด้านอุปสงค์อาจเพิ่มความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้

ทั้งนี้ แม้จะเห็นว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวต่อเนื่อง บวกกับมาตรการภาครัฐ คาดว่าจะช่วยหนุนการเติบโตของการใช้จ่ายในช่วงต้นปี จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนมกราคมปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 สู่ระดับสูงสุดในรอบ 47 เดือน ที่ 62.9 จาก 62.0 ในเดือนธันวาคม 

  • อีกทั้งเศรษฐกิจยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น
  • การสนับสนุนการใช้จ่ายผ่านโครงการ Easy-e-receipt 
  • การช่วยเหลือภาระค่าครองชีพด้านราคาพลังงาน 
  • การกระตุ้นภาคท่องเที่ยวจากโครงการ Visa free แก่นักท่องเที่ยวหลายประเทศ  

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตต่ำและฟื้นตัวช้า ภาวะภัยแล้งที่อาจส่งผลต่อรายได้และผลผลิตในภาคเกษตรรวมถึงสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่ยังคงยืดเยื้อที่อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกยังทรงตัวสูงและกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าและกำลังซื้อในประเทศ

“แม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับดีขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี แต่เศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนเติบโตต่ำ ฉุด GDP ทั้งปี 2566 และปี 2567” 

สำหรับนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ล่าสุดการประชุมของคณะกรรมการนโยบายฯ เห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อศึกษาข้อเสนอแนะและความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินโครงการ โดยกำหนดกรอบเวลาพิจารณา 30 วัน ยังต้องรอความชัดเจน เช่นกัน 

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ