นายกฯ เศรษฐา พบ Sajid Nadiadwala เจ้าของบริษัทผู้ผลิตหนังอินเดียชั้นนำ และประธานสภาผู้ผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์อินเดีย ชวนถ่ายทำภาพยนตร์ในไทยเพิ่มเติม หวังดันเมืองรองและวัฒนธรรมไทย สู่สายตาชาวโลก
นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ตนได้พบกับ Sajid Nadiadwala ในระหว่างการเยือนมุมไบในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ล่าสุด Sajid Nadiadwala เจ้าของบริษัทภาพยนตร์ชั้นนำของอินเดีย Nadiadwala Grandson Entertainment ซึ่งผลิตภาพยนตร์ไปแล้วกว่า 200 เรื่อง และยังเป็นประธานสภาผู้ผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์อินเดีย 11 สมัย
โดยมีบริษัทผู้ผลิตในเครือราว 400 บริษัท ได้เข้าพบ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยในการหารือระหว่างนายกฯ และ Sajid ที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น นายกฯ ได้เชิญชวนให้ Sajid และสมาชิกในสภาผู้ผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์อินเดียมาถ่ายทำในไทยเพิ่มเติม โดยเฉพาะการถ่ายทำในแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง รวมถึงเสนอให้ในการถ่ายทำนั้น มีเนื้อหาโปรโมตอาหารไทย หรือวัฒนธรรมไทยร่วมอยู่ด้วย
นอกจากนี้ นายกฯ ยังเสนอให้ใช้ประโยชน์จากห่วงโซ่อุปทานการผลิตภาพยนตร์ที่มีความโดดเด่นของไทย ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง โรงถ่ายทำภาพยนตร์ ทีมถ่ายทำ และทีมตัดต่อ ขณะ Sajid ได้กล่าวยินดีกับข้อเสนอและขอขอบคุณสำหรับโอกาสในการพบนายกฯ รวมถึงได้ชื่นชมความสามารถในการแสดง โดยเฉพาะการแสดงฉากต่อสู้ของนักแสดงชาวไทยด้วย
ทั้งนี้ ย้อนไป กรมการท่องเที่ยว และ ททท. มีนโยบายให้การสนับสนุนข้อมูลด้านสถานที่ถ่ายทำที่เหมาะสม รวมถึงการแนะนำผู้ประสานงานการถ่ายทำท้องถิ่น (Local Coordinator) ที่มีประสบการณ์ สำหรับการถ่ายทำหนัง Bollywood มาอย่างต่อเนื่อง หลังจากมองว่านี่จะเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ผู้ชมภาพยนตร์ อยากเดินทางมาสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม มาชมวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงมาชิมอาหารในเมืองไทย ภายใต้เป้าหมายอยากผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการถ่ายทำภาพยนตร์ ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
สำหรับ แรงจูงใจ หรือ มาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยนั้น เช่น รูปแบบสิทธิประโยชน์การคืนเงิน 15 - 20 % ของเงินลงทุน โดยมีเงื่อนไข ว่า ต้องมีเงินลงทุนในประเทศไทยมากกว่า 50 ล้านบาท จะได้รับเงินคืน 15 % และหากส่งเสริมการท่องเที่ยวจะได้เพิ่มอีก 2 % หรือ หากมีการว่าจ้างบุคลากรชาวไทยตามเกณฑ์ที่กำหนดจะได้เพิ่มอีก 3%
เช่นเดียวกับ หากมีมีการถ่ายทำในพื้นที่จังหวัดเมืองรองก็จะได้เพิ่ม 3 % แต่โดยรวมทั้งหมดแล้ว จะอยู่ภายใต้สิทธิไม่เกิน 20 %
ที่มา : ทำเนียบรัฐบาล