ไม่ได้แพงแค่ "ตั๋วเครื่องบินภูเก็ต" ราคาโรงแรม-ห้องพักภูเก็ต ก็พุ่ง! เฉลี่ยเกือบ 5,000 บาทต่อคืน

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

    ไม่ได้แพงแค่ "ตั๋วเครื่องบินภูเก็ต" ราคาโรงแรม-ห้องพักภูเก็ต ก็พุ่ง! เฉลี่ยเกือบ 5,000 บาทต่อคืน

    Date Time: 13 ก.พ. 2567 10:30 น.

    Video

    สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทำยังไง? พลิกเมืองทะเลทราย สู่มหาอำนาจเทคโนโลยีโลก | Digital Frontiers EP.41

    Summary

    โรงแรมภูเก็ต ราคาค่าพักพุ่ง! เฉลี่ย เกือบ 5,000 บาทต่อคืน แพงกว่าก่อนโควิดถึง 30% ย้ำภาพ ดราม่าตั๋วเครื่องบินภูเก็ต สูงลิ่ว แรงหนุน ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวคึกคัก นำโดย รัสเซีย, จีน และ อินเดีย ขณะ โบรกเกอร์ดัง คาด ขยายปิดผับ-บาร์ ตี 4 ปลุกท่องเที่ยวทั้งเกาะภูเก็ต พีกต่อปีนี้

    Latest


    “ไม่รวยจริง เที่ยวภูเก็ต ไม่ได้” ดูเหมือนคำพูดนี้ คงไม่ไกลเกินจริง เพราะนอกจาก ประเด็น “ดราม่าตั๋วเครื่องบินภูเก็ต” ที่พบ ราคาต่อเที่ยว ไป-กลับ เกือบ 15,000 บาท แม้จะเลือกโดยสารด้วยสายการบินราคาประหยัด หรือ โลว์คอสต์ ก็ตาม 

    เจาะ ราคาโรงแรม-ห้องพัก จ.ภูเก็ต ก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน เพราะล่าสุด ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เพิ่งออกมาให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ การท่องเที่ยวเกาะภูเก็ต ที่ร้อนแรง อยู่ในขณะนี้ ว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นในปี 2566 มีผลต่อตลาดโรงแรมภูเก็ตอย่างมาก เนื่องจากตลอดทั้งปี มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย ที่น่าประทับใจ ถึง 78% เพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อนหน้า แถมระดับ ได้แซงหน้าช่วงก่อนการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 ด้วยซ้ำ 

    ราคาโรงแรม-ห้องพักภูเก็ต แพงเฉลี่ยเกือบ 5,000 ต่อคืน 

    นอกจากนี้ ราคาเฉลี่ยที่พักรายวัน (ADR) ก็ฟื้นตัวอย่างโดดเด่นไม่แพ้กัน อยู่ที่ 4,967 บาท เพิ่มขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบปีต่อปี และ แพงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด ถึง 30% ซึ่งราคาโรงแรมภูเก็ต ที่เพิ่มขึ้นมา สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่พักที่เพิ่มขึ้น และตอกย้ำถึงการปรับตัวของโรงแรม เพื่อตอบสนองต่อสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปได้

    ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ระบุว่า นักท่องเที่ยวจากรัสเซียเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มหลัก ตามมาติดๆ ด้วยนักท่องเที่ยวจากจีน ซึ่งถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักในช่วงมกราคมถึงตุลาคม 2566 จากที่มีการคาดการณ์ว่านักท่องเที่ยวชาวจีนจะกลับมายึดตำแหน่งสูงสุดในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ดังที่เคยเป็นเหมือนช่วงก่อนการแพร่ระบาด แต่อัตราการเติบโตไม่ตรงกับที่คาดการณ์ไว้ และยังคงเป็นอันดับสองรองจากรัสเซีย ลำดับที่ 3 และ 4 ได้แก่ อินเดียและออสเตรเลีย ตามมาด้วยคาซัคสถาน สหราชอาณาจักร และเยอรมัน

    อย่างไรก็ตาม คาดว่า จากการที่ ประเทศไทยได้ขยายสถานะการยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างถาวร โดยมีกำหนดจะสรุปในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 การขยายเวลานี้มีผลตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567 จะช่วยกระตุ้นจำนวนนักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น ผ่านความพยายามในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 

    รวมถึงการขยายเวลาเปิดทำการของสถานบันเทิง คลับ และบาร์คาราโอเกะในสถานที่ยอดนิยม รวมถึงภูเก็ต ออกไปอีก 2 ชั่วโมงจนถึงตี 4 พร้อมทั้งยังมีการอนุมัติการลดภาษีสำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสถานบันเทิงอีกด้วย ทำให้คาดว่า จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนจะเพิ่มขึ้นในปี 2567 โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายเที่ยวบินและความจุที่นั่งในเส้นทางใหม่และเส้นทางเดิมระหว่างจีนและไทย

    ทั้งนี้ ธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมในภูเก็ตปี 2566 มีการเติบโตเล็กน้อย ในแง่จำนวนห้องพักเปิดใหม่ เห็นได้จากการเปิดตัวโรงแรมใหม่และการรีแบรนด์โรงแรมเดิม 2 แห่ง ทำให้มีจำนวนห้องพักรวมเพิ่มขึ้น 1,053 ห้อง

    ส่งผลให้จำนวนห้องพักโรงแรมในภูเก็ตเพิ่มขึ้นเป็น 44,415 ห้องภายในสิ้นปี ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 0.9% เมื่อเทียบปีต่อปี บนความท้าทาย ตลาดแรงงานที่ตึงตัวส่งผลให้การใช้จ่ายเพื่อดึงดูดพนักงานเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้นมากกว่า 8% ซึ่งแซงหน้าการเติบโตของรายได้กลุ่มโรงแรมต่างๆ 


    Author

    กองบรรณาธิการ

    กองบรรณาธิการ