วิจัยกรุงศรี ชี้ “เศรษฐกิจไทย” ฟื้นตัวช้ากว่าคาดมาก ขณะที่ความสามารถในการแข่งขัน ด้านอุตสาหกรรมของไทยถดถอยลง หลังดัชนีภาคการผลิต สวนทางโลก และอยู่ในลำดับ ต่ำสุดของอาเซียน
ผลสะท้อนจาก ปัญหาเชิงโครงสร้าง ของ “เศรษฐกิจไทย” มีออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง และน่ากังวลมากยิ่งขึ้น หลังจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยว่า GDP ไทยในปี 2566 และปี 2567 อาจเติบโตต่ำกว่าที่เคยคาดไว้
ขณะเดียวกัน เครื่องชี้ที่สำคัญ อย่างการผลิตภาคอุตสาหกรรมและการส่งออก พบในบางกลุ่มสินค้าสำคัญ กำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน อย่างน่าห่วง ซึ่งนี่เอง อาจทำให้การส่งออกสินค้าไทยในปีนี้ ไม่ได้อานิสงส์มากนักจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเติบโตดีกว่าคาด
ซึ่ง IMF ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP โลกปี 2567 จากขยายตัว 2.9% เป็น 3.1% เท่ากับการเติบโตในปี 2566 แต่ ธปท.กลับเตรียมปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยทั้งในปี 2566 และปี 2567 ลงจากเดิมที่เคยคาดการณ์ว่าจะขยายตัวที่ 2.4% และ 3.2%
ล่าสุดวิจัยกรุงศรี รายงานว่า ท่ามกลาง PMI หรือ ดัชนีภาคการผลิตของโลก เดือนมกราคมที่ผ่านมา มีสัญญาณเชิงบวกจากการปรับขึ้นแตะระดับ 50.0 เป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน เช่นเดียวกับ PMI ภาคการผลิตของอาเซียนที่ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 50.3 อยู่ในแดนขยายตัว เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน นำโดยภาคการผลิตที่ขยายตัวและปรับดีขึ้นของอินโดนีเซียและเวียดนาม
แต่ PMI ภาคการผลิตของไทย แม้ขยับขึ้นแต่ถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุดเมื่อเทียบกับประเทศสำคัญในอาเซียน นอกจากนี้ ล่าสุดสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) รายงานผลการศึกษาความสามารถในการแข่งขันด้านอุตสาหกรรมของไทยเทียบกับอีก 4 ประเทศหลักในอาเซียน
โดยใช้ข้อมูลระหว่างปี 2560-2564 พบว่าไทยและฟิลิปปินส์มีขีดความสามารถในการแข่งขันต่ำที่สุด (-1%) เทียบกับอินโดนีเซีย (0%) มาเลเซีย (+2%) และเวียดนาม (+4%)
นอกจากนี้ เมื่อเทียบดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) ล่าสุดในปี 2566 พบว่า ไทยหดตัวมากสุด (-6.3% YoY ในเดือนธันวาคม) ขณะที่เวียดนามโตสูง (+7.6%) ฟิลิปปินส์และมาเลเซียขยายตัวเล็กน้อย (+1.9% และ +0.6% เดือนพฤศจิกายน)
ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้น อาจกล่าวได้ว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญในการปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทย เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ไม่งั้นจะพาให้ GDP ไทยในระยะข้างหน้าเติบโตต่ำ
ที่มา : วิจัยกรุงศรี
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney