
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนางสาวกัลยา ลีวงศ์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) ที่ดูแลตลาดไต้หวัน ถึงโอกาสภาพยนตร์ไทยในไต้หวัน ซึ่งพบว่าภาพยนตร์ผี สยองขวัญ ไสยศาสตร์ ลี้ลับของไทยถูกใจชาวไต้หวันมาก เห็นได้จากปี 66 มีภาพยนตร์ไทยเข้าฉาย 10 เรื่อง แต่เป็นแนวผีสยองขวัญ 5 เรื่อง และทำรายได้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บ้านเช่าบูชายัญ 16.55 ล้านบาท สุขสันต์วันกลับบ้าน 9.25 ล้านบาท และ Mae Nak Reborn 3.01 ล้านบาท
ส่วนเรื่องอื่นๆ คือ รักแรกโคตรลืมยาก 1.66 ล้านบาท หุ่นพยนต์ 1.13 ล้านบาท ดับแสงรวี 597,000 บาท อีหนู อันตราย 540,000 บาท บุพเพสันนิวาส 2 รายได้ 504,000 บาท แอน 113,000 บาท และอานนท์เป็นนักเรียนดีเด่น 87,000 บาท
“หนังผีเป็นแนวภาพยนตร์จากไทยที่ถูกใจตลาดไต้หวันมาก ชาวไต้หวันส่วนใหญ่เชื่อว่าไสยศาสตร์และปรากฏการณ์สยองขวัญในแบบหนังผีไทย มีความแตกต่างและน่ากลัว ทำให้เพิ่มความลี้ลับแก่หนังผีไทยมากขึ้น โดยหนังไทยที่ฉายในไต้หวันปี 66 จำนวน 10 เรื่อง ทำรายได้รวม 28.46 ล้านบาท ถือว่าสถานการณ์หนังไทยในไต้หวันฟื้นตัวกลับมาใกล้กับภาวะปกติก่อนโควิด-19”
นอกจากนี้ ภาพยนตร์แนวอื่นของไทยยังทำตลาดในไต้หวันได้ต่อเนื่อง ทั้งเรื่องสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก, คิดถึงวิทยา, ไอฟาย แต๊งกิ้ว เลิฟยู้, แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว, น้อง.พี่.ที่รัก, ไบค์แมน, Friend Zone ระวัง...สิ้นสุดทางเพื่อน, อ้าย...คนหล่อลวง, ไสหัวไป นายส่วนเกิน, ใจฟู สตอรี่ เป็นต้น และยังมีซีรีส์ Y (ชายรักชาย) ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น Present Perfect แค่นี้ก็ดีแล้ว, ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค, ดิว ไปด้วยกันนะ, 2gether : The Movie, ดับแสงรวี เป็นต้น รวมถึงภาพยนตร์แนว LGBT ของไทยก็เข้ามาสร้างสีสันได้ เช่น รักแห่งสยาม และ Yes or No อยากรักก็รักเลย ถือเป็นภาพยนตร์แนว LGBT ยุคบุกเบิกของตลาดไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่ตลาดภาพยนตร์เสียงภาษาจีน แม้เป็นตลาดใหญ่และสำคัญ อาจมีอุปสรรคสำหรับไทยในการผลิตภาพยนตร์ภาษาจีนเองทั้งหมด จึงควรร่วมทุนกับจีนสร้างภาพยนตร์ รวมถึงเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์ใหญ่ในไต้หวัน คือ เทศกาลม้าทองคำ และ Taipei Film Festival ซึ่งจะสร้างการรับรู้ภาพยนตร์ของไทยได้เป็นอย่างดี.
อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่