เงินเฟ้อลบชี้เศรษฐกิจอ่อนแอ ประเทศเสียหาย! ใครขวางรัฐต้องรับผิดชอบ

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เงินเฟ้อลบชี้เศรษฐกิจอ่อนแอ ประเทศเสียหาย! ใครขวางรัฐต้องรับผิดชอบ

Date Time: 6 ก.พ. 2567 07:21 น.

Summary

“ภูมิธรรม” ห่วงเงินเฟ้อ ม.ค.67 ติดลบ 4 เดือนติด ต่ำสุดรอบ 35 เดือน ย้ำภาพเศรษฐกิจไทยยังวิกฤติ ลั่นใครขวางการกระทำใดๆของรัฐ ถ้าประเทศเสียหาย ต้องรับผิดชอบด้วย ด้านนายกฯโพสต์ เงินเฟ้อลบส่งสัญญาณเศรษฐกิจอ่อนแอ ส่วนสนค.เผยเหตุติดลบจากมาตรการลดค่าครองชีพรัฐ คาดไตรมาสแรกลบ 0.7%

Latest

เล็งขึ้นทะเบียนสินค้าจีไอไทยในจีน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ม.ค.67 ที่ติดลบ 1.11% เทียบเดือน ม.ค.66 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 35 เดือนว่า มีความเป็นห่วง เงินเฟ้อไม่เคยปรับขึ้นมาจากศูนย์เหมือนที่เคยเป็น สถานการณ์ปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยก็ยังมีวิกฤติ โดยเฉพาะวิกฤติทางการเงิน ที่น่าเป็นห่วง เพราะเคยส่งผลสะเทือนต่อเศรษฐกิจอย่างร้ายแรงมาแล้วเมื่อตอนวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40

“สถานการณ์ตอนนี้นักการเงินเป็นห่วง เพราะเห็นสัญญาณหุ้นกู้ผิดนัดชำระต่อเนื่อง ถ้าวิกฤติการเงินเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วเหมือนต้มยำกุ้ง จะส่งผลเสียหายรุนแรงต่อประเทศ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ก็บอกว่า ถ้าไม่ทำอะไรเลยตอนนี้ มีโอกาสที่จะเกิดต้มยำกุ้งตามมา ถ้าเกิดเป็นจริง จะเป็นอย่างไร ถ้ามากเกินกว่าจะรองรับได้ก็ต้องตัดสินใจทำอะไรออกมารองรับ อยากให้ทุกคนที่ต่อต้านการกระทำใดๆของรัฐบาล คิดถึงจุดนี้ด้วย ถ้าคัดค้านแล้วเกิดวิกฤติขึ้นมาจริงๆ ก็อยากให้ร่วมรับผิดชอบด้วย”

ขณะเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า การที่เงินเฟ้อติดลบมา 4 เดือนติดต่อกัน ย่อมเป็นสัญญาณความอ่อนแอทางเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง และเป็นการเตือนให้รู้ว่านโยบายการคลัง ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาล และนโยบายการเงินที่เป็นหน้าที่ของแบงก์ชาติจะต้องสอดประสานและเดินไปด้วยกัน ถ้าต่างคนต่างทำคงจะแก้ปัญหาได้ยาก

ด้านนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน ม.ค.66 เท่ากับ 106.98 เทียบเดือน ธ.ค.66 เพิ่มขึ้น 0.02% แต่เทียบเดือน ม.ค.66 ลดลง 1.11% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 35 เดือน นับจากเดือน ก.พ.64 โดยมีปัจจัย สำคัญมาจากมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของภาครัฐ, ราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดลดลงต่อเนื่อง เพราะปริมาณผักสดเข้าสู่ตลาดเพิ่มขึ้น รวมทั้งฐานราคาเดือน ม.ค.66 ที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อค่อนข้างสูง ขณะที่สินค้าและบริการอื่นๆ ราคายังคงปกติ ขณะที่ เงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก เพิ่มขึ้น 0.02% เมื่อเทียบเดือน ธ.ค.66 และเพิ่มขึ้น 0.52% เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค.66

“ยืนยันว่า ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด เพราะเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน ม.ค.67 ยังสูงขึ้น 0.52% ส่วนทั้งปี 66 ก็โต 0.52% สำหรับการที่เงินเฟ้อลบติดต่อกัน 4 เดือนต้องไปดูว่าราคาสินค้าส่วนใหญ่ลดลงหรือเปล่า ซึ่งก็มีทั้งสูงขึ้น ลดลง คงที่ และ ยังต้องดูที่เงินเฟ้อ มันเฟ้อโดยตัวของมันเอง หรือมีกลไกแทรกแซงของไทยที่ติดลบ เพราะมีการแทรกแซงจากนโยบายลดค่าครองชีพ ทั้งค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า สรุปคือ ยังไม่ฝืด ยังไม่น่าเป็นห่วง”

ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อเดือน ก.พ.67 และเดือน มี.ค.67 คาดจะลดลงต่อเนื่อง จากมาตรการลดค่าครองชีพด้านพลังงาน ได้แก่ การตรึงค่ากระแสไฟฟ้าไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วยสำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน มีประชาชนได้รับประโยชน์ 17.77 ล้านราย และมาตรการตรึงราคาน้ำมัน ดีเซลไม่เกิน 30 บาท ต่อลิตร จนถึงวันที่ 19 เม.ย.67 และผลกระทบของเอลนีโญลดลง ทำให้ปริมาณผักสดเข้าสู่ตลาดมากกว่าปีก่อนหน้า ส่งผล ให้ราคาลดลงต่อเนื่อง โดย ไตรมาส 1 ปี 67 เงินเฟ้อน่าจะลบ 0.7% ขณะที่ทั้งปี 67 คาดลบ 0.3% ถึง เพิ่ม 1.7% ค่ากลาง 0.7%.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ