บีโอไอลั่นเกียยังเล็งลงทุนในไทย กำลังเจรจารัฐบาลถึงสิทธิประโยชน์หากตั้งฐานผลิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่มีข่าวว่า เกีย คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองของเกาหลีใต้ ตัดสินใจไม่ลงทุนในไทยนั้น ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้รับการยืนยันจากเกีย ว่ายังคงเดินหน้าการเจรจากับรัฐบาลไทยและจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังมุ่งให้ความสำคัญกับตลาดในประเทศ ไทย โดยจะเปิดตัวบริษัท เกีย เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด อย่างเป็นทางการในเดือน ม.ค.นี้ เพื่อดูแลด้านการตลาด การขาย และบริการหลงการขาย ซึ่งจะเป็นการต่อยอดไปสู่การลงทุนในอนาคต

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บีโอไอได้มีการผลักดันและดำเนินการในหลายประเด็นเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เช่น การต่อมาตรการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า 3.5 หรือ EV 3.5 การประกาศมาตรการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ ตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566 โดยให้สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ผลิตรถยนต์สันดาป (ICE) เพื่อเตรียมความพร้อมให้มีการพัฒนาสู่ยานยนต์พลังงานใหม่ในอนาคต ซึ่งนอกจากจะช่วยกระตุ้นการผลิตอีวีของผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้รับการส่งเสริมอยู่เดิมแล้ว ยังสอดคล้องกับแผนการผลิตของบริษัทด้วย

นอกจากนี้ บีโอไอยังอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการเร่งเจรจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งเป็นตลาดส่งออกรถยนต์ที่สำคัญ การเร่งรัดกลไกการจัดหาพลังงานสะอาด (Utility Green Tariff : UGT) และมาตรการบรรเทาผลกระทบของนักลงทุนจากการจัดเก็บภาษีตามหลักการ Global Minimum Tax หรือ Pillar 2 ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ผู้ประกอบการในตลาดโลกได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ได้มีสื่อเกาหลีรายงานว่าถึงแม้เกีย มอเตอร์ ในเครือฮุนไดมอเตอร์ ยักษ์ใหญ่เบอร์ 1 แห่งอุตสาหกรรมรถยนต์ของเกาหลีใต้ อยู่ระหว่างการทบทวนความเป็นไปได้ในแผนการสร้างโรงประกอบรถยนต์ในประเทศไทย จึงได้ระงับแผนการลงทุนในไทยชั่วคราวเพื่อประเมินเพิ่มเติมถึงความเป็นไปได้ของโครงการนี้ แต่เกียยังคงเดินหน้าทำตลาดในไทยอย่างเข้มข้น โดยล่าสุดมีแผนแน่ชัดจะเปิดบริษัทลูกในไทย

ในวันที่ 31 ม.ค.นี้ คือบริษัท เกีย เซลล์ (ประเทศไทย) เพื่อมาดูแลการดำเนินงานในไทยทั้งด้านการขาย การตลาด และการบริการหลังการขาย เพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันยอดขายและสร้างตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี ของเกียในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคนี้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ เกียกำลังมองหาความเป็นไปได้ในการลงทุนสร้างโรงประกอบรถยนต์ในประเทศไทยเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งในตลาดรถอีวีในไทย และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเกียกำลังเจรจากับบีโอไอของไทยเกี่ยวกับโครงการลงทุนโรงประกอบรถยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่ซึ่งจะมีกำลังการผลิต 250,000 คันต่อปี

“เราได้ตรวจสอบถึงความเป็นไปได้ในการรักษาฐานการผลิตในประเทศไทยเพื่อขยายยอดขายของเราในภูมิภาคอาเซียน แต่ตอนนี้เราได้ระงับการตัดสินใจที่จะลงทุนสร้างโรงประกอบรถยนต์ในไทยไว้ก่อน เนื่องจากต้องขอความมั่นใจแผน
การดำเนินทางธุรกิจ” เจ้าหน้าที่ของเกียกล่าว

ทั้งนี้ หากเกียตัดสินใจสร้างโรงประกอบรถยนต์ในไทย ก็จะเป็นโรงประกอบรถยนต์ในไทยแห่งแรกของเกียในอาเซียน โดยปัจจุบันเกียมีโรงประกอบรถยนต์ตั้งอยู่นอกเกาหลีใต้ คือที่สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย เม็กซิโก และสโลวะเกีย

สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกียดังกล่าวนั้นสอดคล้องกับนโยบายการผลักดันรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย ทั้งนี้ประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในไตรมาสที่สองของปี 2566

ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนนับเป็นผู้ครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทย โดยรถ Atto 3 ของ BYD มีสัดส่วนเกือบ 80% ของรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดที่จำหน่ายในประเทศไทย ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Great Wall Motor หรือ GWM ของจีน เผยว่า ได้เริ่มประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในไทยแล้วที่โรงประกอบรถยนต์ จ.ระยอง ประเทศไทย ขณะที่เมื่อเร็วๆนี้ ChangAn Automobile ได้ประกาศแผนการสร้างโรงประกอบรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยในปี 2568.