ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ มีมติอนุมัติ การปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่นๆ ที่คล้ายกัน 1 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2567 จนถึงหลังเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 19 เมษายน 2567
ขณะ “รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า การออกกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต เพื่อปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่นๆ ที่คล้ายกัน ตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ. 65 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 66 (ประมาณ 1 ปี 8 เดือน ) ทำให้รัฐ มีการสูญเสียรายได้ประมาณ 172,000 ล้านบาท โดยในแต่ละครั้ง ปรับอัตราภาษีลดลงแตกต่างกัน รวม 8 ฉบับ
อย่างไรก็ดี มาตรการดังกล่าว สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ ผ่านการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน และที่ผ่านมา รัฐบาล ด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงพลังงาน (พน.) และกระทรวงการคลัง ได้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและภาษีสรรพสามิตเป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร
โดยก่อนหน้านี้ กรมสรรพสามิต ได้ออกกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 35) พ.ศ. 2566 (ปรับลดประมาณ 2.50 บาท/ลิตร) เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. 66 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 66 โดยเพื่อเป็นหนึ่งในกลไกช่วยตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร
ในครั้งนี้ จึงเห็นควรดำเนินมาตรการทางภาษีต่อเนื่อง โดยการลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่นๆ ที่คล้ายกัน ร่วมกับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตดังกล่าวประมาณ 1 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค. 67 ถึงวันที่ 19 เม.ย. 67
ทั้งนี้ จากการดำเนินการตามมาตรการภาษีดังกล่าว จะทำให้กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันลดลงประมาณ 2,000 ล้านบาท/เดือน (คาดการณ์จากสถิติปริมาณการเสียภาษีในปีงบฯ 66) โดยการดำเนินการตามมาตรการภาษีในครั้งนี้จะดำเนินการเป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน จึงคาดว่าจะสูญเสียรายได้ประมาณ 6,000 ล้านบาท แต่จะเป็นการช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกระทบค่าครองชีพของประชาชนและภาคธุรกิจ
“มาตรการครั้งนี้ เป็นการยืดระยะเวลาของมาตรการช่วยเหลือประชาชนด้านราคาพลังงานระยะสั้น อย่างไรก็ดี สำหรับมาตรการระยะยาวนั้น ทาง พน. ยังคงเดินหน้าอย่างเข้มข้นเพื่อที่จะ “รื้อ - ลด - ปลด - สร้าง” ด้วยการรื้อโครงสร้างราคาพลังงานของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้เป็นรูปธรรมภายในปี 2567 นี้อย่างแน่นอน”
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่