ผู้ว่าฯ ททท.ประเมินรายได้รวมท่องเที่ยวไทย-เทศ ตลอดปีนี้ 2 ล้านล้านบาท หย่อนจากเป้า 4 แสนล้านบาท เหตุเศรษฐกิจโลกรุมเร้า เที่ยวบินยังไม่กลับมา รัฐบาลจีนกระตุ้นคนเที่ยวในประเทศ ประกาศขอสู้ต่อปี 2567 สร้างรายได้ 3.5 ล้านล้านบาท ตามโจทย์ “รมว.สุดาวรรณ”
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ยอดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2566-3 ธ.ค. 2566 รวม 25.08 ล้านคน สร้างรายได้ 1,067,513 ล้านบาท และเนื่องจากเดือน ธ.ค.เป็นเทศกาลท่องเที่ยวจึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาถึง 2 ล้านคน
ทำให้คาดว่าตลอดทั้งปี 2566 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 27 ล้านคน สร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งหย่อนจากเป้าหมายที่ ททท.ตั้งไว้ตลอดปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25-28 ล้านคน สร้างรายได้ 1.6 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ปัญหาเที่ยวบินที่ยังไม่กลับมาเหมือนเดิม ขณะที่ความหวังตลาดจีนที่จะได้ 4-4.04 ล้านคน น่าจะได้จริงเพียง 3.4-3.5 ล้านคน เพราะเศรษฐกิจจีนมีปัญหาและรัฐบาลจีนเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศแทน เห็นได้จากราคาตั๋วเครื่องบินภายในประเทศของเดือน ธ.ค. เฉลี่ย 590 หยวน ลดลง 19% จากเดือน พ.ย. ที่มีราคา 728 หยวน
ขณะที่ราคาตั๋วเครื่องบินไปต่างประเทศในเดือน ธ.ค. ราคาเท่ากับเดือน พ.ย. ที่เฉลี่ย 1,980 หยวน ทำให้คนจีนเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจำนวนมาก เฉพาะที่มณฑลยูนนานมีมากถึง 900 ล้านคน เพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวจากปี 2562
สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวประเทศของคนไทยสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ตลอดปีนี้ที่ 200 ล้านคนครั้ง เพราะจากตัวเลข 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) คนไทยเดินทางแล้ว 228 ล้านคนครั้ง จึงคาดว่าตลอดทั้งปีจะถึง 240 ล้านคนครั้ง โดยมีรายได้ 800,000 ล้านบาท เนื่องจากคนไทยจ่ายน้อยลงแต่มีความถี่ในการเดินทางท่องเที่ยวถี่ขึ้นตามการกระตุ้นของรัฐบาล
“เมื่อรวมรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทย ในปี 2566 จะมีรายได้รวม 2 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้ารายได้ที่ตั้งไว้ 2.4 ล้านล้านบาท หรือขาดไป 400,000 ล้านบาท เหตุผลหลักมาจากรายได้ของนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่เป็นไปตามเป้าหมาย
โดยค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อทริปที่เพิ่มขึ้นเป็นในกลุ่มชาวยุโรปที่มีระยะเวลาพักค้างในไทยนานขึ้น ซึ่งมีสัดส่วนน้อยกว่านักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีจำนวนคนเยอะแต่เนื่องจากระยะเวลาพักค้างสั้น เช่น มาเลเซีย ในปีนี้เป็นนักท่องเที่ยวที่เข้าไทยมากอันดับหนึ่ง คาดว่าปีนี้จะถึง 4.59 ล้านคน แต่มีค่าใช้จ่ายต่อหัวเพียง 26,000 บาทต่อคนต่อทริป”
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การที่รัฐบาลออกมาตรการยกเว้นวีซ่า (วีซ่า-ฟรี) ให้กับจีน คาซัคสถาน อินเดีย ไต้หวัน และขยายระยะเวลาพำนักของนักท่องเที่ยวรัสเซียเป็น 90 วัน ได้ช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างมาก และถือว่ามาตรการนี้ได้ผล
เห็นจากมาเลเซียเพิ่มประกาศยกเว้นวีซ่าให้ชาวจีนถึงสิ้นปี 2567 ถ้ามาตรการเราไม่ดี คู่แข่งคงไม่ทำตาม อย่างไรก็ตามเรื่องการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว อาลีเพย์
มีข้อมูลแจ้งว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีนมียอดใช้จ่ายเฉพาะการช็อปปิ้งและทานอาหารในไทย เพิ่มขึ้น 100% จาก 10,000 บาทต่อทริป เป็น 20,000 บาทต่อทริป โดยไม่รวมค่าที่พักและตั๋วเครื่องบิน
ฐาปนีย์ กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวทำให้ในปี 2567 ททท.จะดำเนินนโยบายที่ทำให้นักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านพักค้างนานขึ้น เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายในไทย และรับนโยบายของ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ให้สร้างรายได้รวม 3.5 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ ททท.ตั้งตอนแรกที่ 3 ล้านล้านบาท
โดยนักท่องเที่ยวจีนในปี 2567 ตั้งเป้าไว้ 8.5 ล้านคน และเตรียมเสนอรัฐบาลต่ออายุมาตรการยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนที่จะหมดลงในวันที่ 29 ก.พ. 2567 รวมทั้งให้พิจารณาเพิ่มวันพำนักของนักท่องเที่ยวประเทศที่ได้รับยกเว้นวีซ่าอยู่แล้ว จาก 30 วัน ให้เพิ่มเป็น 90 วัน
รวมทั้งเตรียมจะหารือกระทรวงการต่างประเทศให้ชาวต่างชาติที่ทำวีซ่านักท่องเที่ยวสามารถเข้าออกประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านเหมือนวีซ่ามัลติเพิลที่สามารถเข้ามาหลายครั้ง
“นายกรัฐมนตรีท่านเป็นนักธุรกิจจึงเข้าใจปัญหาของการท่องเที่ยวเป็นอย่างดี และสั่งการ ททท. ในหลายประเด็น ที่ต้องทำให้ได้ เช่น ควิกวินกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังจากรัฐบาลได้ออกมาตรการยาแรงโดยการยกเว้นวีซ่าให้กับหลายประเทศ ให้บริหารจัดการภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทยในโลกออนไลน์ การบริหารจัดการบรรยากาศท่องเที่ยว รวมทั้งการกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง”
ติดตามข่าวสารอัปเดต เศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในประเทศ บทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ล่าสุด ได้ที่นี่
ข่าวเศรษฐกิจ : https://www.thairath.co.th/money/economics
เศรษฐกิจในประเทศ : https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
เศรษฐกิจโลก : https://www.thairath.co.th/money/economics/world_econ