ชาวนาได้แน่! เงินพันบาทต่อไร่ ครม.เคาะวงเงิน 5.5 หมื่นล้านพยุงราคาข้าว

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ชาวนาได้แน่! เงินพันบาทต่อไร่ ครม.เคาะวงเงิน 5.5 หมื่นล้านพยุงราคาข้าว

Date Time: 8 พ.ย. 2566 07:19 น.

Summary

รัฐบาลพาเหรดยืนยันเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาทได้แน่ รอนัดประชุม นบข.วันที่ 10 พ.ย.นี้ คาดชง ครม.ไฟเขียวได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ เผย ครม.วานนี้ (7 พ.ย.) เคาะเงินสินเชื่อชะลอขายข้าว แทรกแซงราคา 2 โครงการวงเงิน 5.5 หมื่นล้านบาท

Latest

กฟผ.ย้ำชัดรอคำตอบรัฐบาล โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก 600 เมกะวัตต์

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าว หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (7 พ.ย.) ถึงนโยบายข้าวของรัฐบาลว่า ครม.ได้หารือกันมาต่อเนื่องเกี่ยวกับเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท และขอยืนยันว่าจากการลงพื้นที่พบกับชาวนาได้รับเสียงสะท้อนว่า ชาวนายังกังวลใจ ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือ แต่ขอดูรายละเอียดให้เสร็จ และจะเสนอคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) โดยด่วน

“ทั้ง 3 กระทรวงจะยืนยันในที่ประชุม นบข. ถึงเหตุผลของการทำเรื่องนี้ให้กับที่ประชุมเข้าใจ เพื่อให้ชาวนาได้เงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เมื่อมีมติแล้วจะเสนอ ครม.ทันที หลังจากนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจากประชุมเอเปกแล้ว จะเชิญผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ โรงสีข้าว มาหารือถึงปัญหาและข้อเรียกร้องต่างๆ เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ และเพื่อยกระดับราคาข้าว และคุณภาพชีวิตเกษตรกร”

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า วันที่ 10 พ.ย.นี้ จะมีการประชุม นบข. ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยจะพิจารณาเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อเป็นค่าเก็บเกี่ยวข้าว เป็นค่าบริหารจัดการ และคาดชง ครม.ไฟเขียวได้ภายใน 1-2 สัปดาห์

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า การให้เงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ภายใต้โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 มีกรอบวงเงินจ่ายขาด 56,321 ล้านบาท กำหนดเกษตรกรเป้าหมาย 4.68 ล้านครัวเรือน โดยจะให้เงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท กับเกษตรกรครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ เบื้องต้นกำหนดช่วงเวลาการจ่ายเงิน ตั้งแต่เดือน พ.ย.66-30 ก.ย.67 ขณะที่วงเงินที่จะนำมาใช้นั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มีสภาพคล่องเพียงพอรองรับ

“ตอนนี้ราคาข้าวมีแนวโน้มราคาต่ำลง ซึ่งการช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท มีความสำคัญต่อการเดินหน้าประกอบอาชีพของเกษตรกร จึงมีความจำเป็นต้องช่วยเหลือชาวนา ต้องประคองราคาไม่ให้ตกไปกว่านี้”

สำหรับความช่วยเหลือเกษตรกรเพิ่มเติม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.วันที่ 7 พ.ย.66 ได้เห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก 2 โครงการซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อช่วยเหลือชาวนาดูดซับปริมาณข้าวออกจากตลาด แบ่งเป็น 1.สินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี และ 2.สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยทั้ง 2 มาตรการมีวงเงินรวมกว่า 55,038.96 ล้านบาท เป็นสินเชื่อ ธ.ก.ส. 44,437 ล้านบาท และวงเงินจ่ายขาด 10,601.96 ล้านบาท

ทั้งนี้ โครงการชะลอการขายข้าว มีสาเหตุจากราคาข้าวเปลือกหอมมะลิในขณะนี้ตกต่ำ ราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 14,800-15,000 บาท ความชื้น 15% แต่สภาพความเป็นจริงชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวแล้วขายเลย ความชื้นอยู่ที่ 25% มีราคาแค่ตันละ 12,000-12,300 บาท ซึ่งราคารับซื้ออยู่ที่ตันละ 11,000 บาท โดยสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี วงเงินสินเชื่อ 34,437 ล้านบาท วงเงินจ่ายขาด 10,120.71 ล้านบาท กำหนดเริ่ม 1 ต.ค.66-29 ก.พ.67 มีเป้าหมายดูดซับปริมาณข้าว 3 ล้านตัน โดยให้สถาบันเกษตรกร และเกษตรกรที่มียุ้งฉางของตัวเองเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉาง 5 เดือน เพื่อรอการขาย โดยกำหนดปล่อยสินเชื่อในกลุ่มข้าวหอมมะลิ ตันละ 10,500-12,000 บาท ข้าวหอมมะลิปทุมธานี ตันละ 10,000 บาท ข้าวเจ้า ตันละ 9,000 บาท ข้าวเหนียว ตันละ 10,000 บาท โดยช่วยค่าฝากอีก ตันละ 1,500 บาท (สหกรณ์รับ 1,000 บาท เกษตรกรรับ 500 บาท)

2.สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มมีเป้าหมาย 1 ล้านตัน โดยให้สถาบันเกษตรกรรวบรวม รับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนามีวงเงินกู้ 10,000 ล้านบาท และวงเงินชดเชยดอกเบี้ย 481.25 ล้านบาท โดยจะให้สหกรณ์จ่ายดอกเบี้ย 1% และรัฐช่วยดอกเบี้ย 3.85% ระยะเวลา 15 เดือน ส่วนการชดเชยดอกเบี้ย ธ.ก.ส. 4.85% นั้น รัฐบาลจะช่วยรับภาระดอกเบี้ย 3.85% ส่วนสถาบันเกษตรกรรับภาระ 1% กำหนดเริ่ม 1 ต.ค. 66 ถึง 30 ก.ย.67

“มาตรการนี้ จะให้สถาบันเกษตรกรเข้าไปซื้อแข่งและแทรกแซงตลาด โดยนำร่องซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิในความชื้น 25% ราคาตันละ 12,200 บาท เมื่อขายได้แล้ว มีกำไรจะแบ่งชาวนาตันละ 300 บาท ซึ่งจะทำให้ชาวนาได้รับเงินรวมตันละ 12,500 บาท ซึ่งจะดีกว่าเดิมไม่แทรกแซง เพราะจะทำให้ชาวนาได้เงินเพิ่มอีก 1,500 บาท”.

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ